ขณะที่ บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 3 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปี 59 นอกจากนี้ในช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะเปิดโครงการแนวราบอีก 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 8 พันล้านบาท "จริงๆเราไม่ได้เน้นการทำยอดขายมากนัก เพราะขายมากไปก็อาจจะรับรู้มาไม่ได้หมด เพราะมีลูกค้าโดนปฏิเสธสินเชื่อมาบ้าง ซึ่งมองว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ท้าทายบริษัทมาก เพราะเป็นเรื่อความเสี่ยงของผู้ซื้อ เพราะตอนนี้แบงก์ก็เข้มงวดมาก ถึงขายมากไป ถ้าโดนปฏิเสธมาเยอะ ก็จะไปกระทบการโอนและรายได้ของบริษัท"นายธนพล กล่าว
นายธนพล กล่าวว่า นอกจากนี้บริษัทยังตั้งเป้าหมายสัดส่วนรายได้ของบริษัทในอีก 4-5 ข้างหน้าจะมีสัดส่วนรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ กับสัดส่วนรายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 60:40 จากปัจจุบันอยู่ที่ 80:20 โดยบริษัทจะค่อยๆมีการขยายฐานรายได้จากการเช่าเพิ่มจากการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าเพิ่มเติมในอนาคต lส่วนความคืบหน้าโครงการ FYI Center ของบริษัทคาดว่าส่วนของอาคารสำนักงานจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งเร็วกว่ากำหนดที่คาดไว้แล้วเสร็จภายในกุมภาพันธ์ 59 และจะส่งมอบพื้นที่ให้ผู้เช่าได้ในต้นปีหน้า ปัจจุบันมีการจองพื้นที่ได้แล้วกว่า 50% อัตราค่าเช่าอยู่ที่ 750 บาท/ตารางเมตร และอาจจะมีการปรับค่าเช่าเพิ่มขึ้นปีละ 5%
ส่วนโครงการโรงแรม MODENA By Fraser ในโครงการ FYI คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการได้ภายในเดือนพฤษภาคม 59 โดยตั้งเป้าอัตราการเข้าพักในปีแรกของโรงแรมดังกล่าวอยู่ที่ 50% และคาดว่าภายใน 3 ปี หรือภายในปี 61 จะมีอัตราการเช่าเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 80% ทั้งนี้หากโครงการ FYI ในส่วนของอาคารสำนักงานให้เช่าและโรงแรมประสบความสำเร็จอย่างดี บริษัทจะพิจารณานำโครงการดังกล่าวขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ของบริษัท เพื่อขยายขนาดกองให้มีมูลค่าสินทรัพย์สูงขึ้น
โดยปัจจุบันการจัดตั้งกอง REIT ของบริษัทอยู่ระหว่างยื่นคำขอจัดตั้งกับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยนำอาคารปาร์คเวนเจอร์และอาคารสาทร สแควร์จัดตั้งกอง REIT มูลค่ากอง 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะจัดตั้งได้ภายในปี 59 โดยบริษัทถือหุ้นในกองดังกล่าวสัดส่วนไม่เกิน 30%