บริษัทคาดหวังจะระดมทุนจากการขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)วงเงินไม่ต่ำกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อจะนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตเป็น 1 ล้านตัน/ปี จากปัจจุบัน 6 แสนตัน/ปี นอกจากนี้ จะนำเงินไปใช้ในการขยายธุรกิจปลายน้ำ โดยล่าสุดบริษัทได้เข้าร่วมทุนกับผู้ประกอบการจากจีนเพื่อผลิตยางรถยนต์ คาดว่าจะเริ่มมีรายได้เข้ามาในปี 59 และมีสัดส่วนรายได้ราว 2-5% ของรายได้รวม จากปัจจุบันรายได้ของบริษัทมีสัดส่วนมาจากยางแท่ง 60% ที่เหลืออีก 40% มาจากยางแผ่นและน้ำยาง
"เรายังยืนยันที่จะมีการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้น แม้ว่าจะมีการเลื่อนออกมาจากปี 55 แต่ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนเราจะนำมาขยายธุรกิจ เพื่อให้มีการเติบโตต่อไป และทำธุรกิจปลายน้ำเพื่อเพิ่มมาร์จิ้น แต่ทั้งนี้การเข้าตลาดเราต้องดูเรื่องต่างๆ ทั้งภาวะตลาด และตลาดยางให้ดี ให้อยู่ในภาวะที่น่าสนใจมากขึ้น"นายกรกฎ กล่าว
ในปีนี้บริษัทคาดว่าปริมาณยอดขายยางจะใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4.28 แสนตัน หลังจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปริมาณยางล้นตลาด ซึ่งบริษัทคาดว่าราคายางเฉลี่ยในปีนี้จะอยู่ที่ 40 บาท/กิโลกรัม และในปี 59 ราคายางจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้นตามการเข้าสนับสนุนเกษตรกรจากภาครัฐในทุกๆพื้นที่ ประกอบกับ เกษตรกรบางรายได้เปลี่ยนอาชีพหรือตัดต้นยางเดิมทิ้งแล้วไม่ได้ปลูกใหม่มาทดแทน จะทำให้ปริมาณยางในตลาดลดลง เป็นส่วนช่วยให้ราคายางปรับตัวขึ้นได้ เบื้องต้นบริษัทคาดราคายางในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 60 บาท/กิโลกรัม
สำหรับสินค้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่จะเข้าซื้อขายในตลาดซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) คาดว่าจะมีปริมาณการซื้อขายจะเพิ่มขึ้นจากตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า (AFET) โดยบริษัทฯ มีโบรกเกอร์ คือ บริษัท แอ็กโกรว์ เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด ซึ่งจะเข้ามาเป็นโบรกเกอร์ให้บริการซื้อขายสินค้าดังกล่าว รวมถึงเข้ามาเป็น market maker ด้วย
"คาดวอลุ่มของยาง RSS3 ใน TFEX จะเพิ่มขึ้น มีสภาพคล่องมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับหลายๆ หน่วยงานต้องช่วยกันผลักดัน โดยบริษัทฯ เราเองก็จะเปิดให้บริการสินค้าชนิดดังกล่าวด้วย เพราะโบรกเกอร์จากฝั่ง AFET เข้ามาอยู่ใน TFEX"นายกรกฏ กล่าว
นางสาวรินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX เปิดเผยว่า ปัจจุบันมีโบรกเกอร์จากฝั่ง AFET เข้ามาเป็นสมาชิกในตลาด TFEX อีก 3 ราย ได้แก่ บริษัท แอ๊กโกรว์เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด , บริษัท ดีเอส ฟิวเจอร์ส จำกัด และบริษัท อินฟินิตี้ เวลธ์ ฟิวเจอร์ส จำกัด ซึ่งรายหลังจะเป็นโบรกเกอร์แบบ Full Licence ที่ซื้อขายสินค้าในตลาด TFEX ได้ทั้งหมด โดยทั้ง 3 บริษัทนี่จะเริ่มต้นให้บริการหลังจากยางแผ่นรมควันชั้น 3 เข้าซื้อขายในตลาด TFEX โดยปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนรอลงพระปรมาภิไธย
รายละเอียดของสัญญายางแผ่นรมควันชั้น 3 (RSS3) ที่จะซื้อขายในตลาด TFEX 1 บัญชี สามารถซื้อขายได้ 10,000 สัญญา โดย 1 สัญญามีขนาด 5 ตัน และในสัญญาเดือนใกล้มากที่สุดจะซื้อขายได้ไม่เกิน 1,000 สัญญาต่อบัญชี โดยนักลงทุนที่ต้องการส่งมอบสินค้าจริงจะต้องระบุก่อนเทรด ส่วนนักลงทุนที่เข้ามาซื้อขายทั่วไปจะเป็นลักษณะการเก็งกำไรโดยไม่ต้องส่งมอบของจริง