(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งแคบ รอผลประชุมเฟด-ราคาน้ำมันหด-เก็งงบฯ Q3/58

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 28, 2015 09:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งแคบเป็นไปได้ทั้งในแดนบวก-ลบ หลัก ๆ รอดูผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ในคืนนี้ว่าจะมีการส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างไร แต่งวดนี้คงจะยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ตลาดก็ยังไม่มีความมั่นใจเท่าไร

นอกจากนี้ ช่วงนี้ราคาน้ำมันก็ได้ปรับตัวลงต่อเนื่อง หลังจากที่ผู้นำคองเกรสเสนอให้มีการขายน้ำมันจากคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ของสหรัฐ (SPR) จำนวน 58 ล้านบาร์เรลในอนาคตเพื่อนำรายได้มาอุดหนุนงบประมาณ โดยกรณีดังกล่าวทำให้ไปกดดันกลุ่มน้ำมัน อย่างไรก็ดีน่าจะยังมีการเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการงวดไตรมาส 3/58 ที่คาดว่าจะออกมาดี ซึ่งก็คงจะเป็นการเล่นหุ้นขนาดกลาง-เล็ก

ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้จะอิงในแดนลบเล็กน้อย พร้อมให้แนวรับ 1,415-1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430-1,432 จุด

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(27 ต.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,581.43 จุด ลดลง 41.62 จุด(-0.24%), ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,030.15 จุด ลดลง 4.55 จุด(-0.09%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,065.89 จุด ลดลง 5.29 จุด(-0.26%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 49.90 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 17.33 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 72.03 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน ลดลง 22.08 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 1.02 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 9.08 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย ลดลง 2.31 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(27 ต.ค.58)1,424.05 จุด ลดลง 0.11 จุด(+0.01%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,726.89 จุด เมื่อวันที่ 27 ต.ค.58
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(27 ต.ค.58) ปิดที่ 43.2 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 78 เซนต์ หรือ 1.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(27 ต.ค.58)ที่ 7.42 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิดวันนี้ 35.53/55 อ่อนค่า นลท.รอผลประชุม FOMC ที่จะสิ้นสุดวันนี้
  • รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ราคาประเมินที่ดินที่จะประกาศใช้รอบใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.59 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2562 ราคาทั่วประเทศมีการปรับขึ้นเฉลี่ย 25% ใน กทม.ปรับขึ้น 15% โดยราคาประเมินที่ดินตามแนวรถไฟฟ้ามีการปรับตัวสูงถึง 75% โดยเฉลี่ย ซึ่งเป็นผลจากการก่อสร้างรถไฟฟ้าได้เพิ่มศักยภาพการพัฒนาที่ดินให้สูงขึ้น โดยเฉพาะรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ มีราคาปรับขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากราคาประเมินปัจจุบัน
  • ธปท.เล็งแก้ไขกฎหมายเปิดทางนำทุนสำรองฯ ของไทยไปลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศหลากหลายขึ้น รวมทั้งลงทุนหุ้น ระบุธนาคารกลางหลายประเทศสามารถเลือกประเภทลงทุนได้หลากหลาย ช่วยผลให้ตอบแทนที่ดี และเป็นประโยชน์ประเทศชาติ อย่างอนุพันธ์บางประเภทสามารถปิดความเสี่ยงได้
  • นักวิชาการเชื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐหนุนจีดีพีปี 58 โต 2.7% พร้อมดันปี 59 โต 3.5% เตือนดึงการบริโภคในอนาคตมาใช้อาจฉุดเศรษฐกิจในอีกปีครึ่งข้างหน้าชะลอตัว ขณะที่สศค.ชี้มาตรการอสังหาฯช่วยตลาดดูดซับดีขึ้นเหลือ17เดือน
  • เรกูเลเตอร์เผยแนวโน้มการรับซื้อไฟฟ้าตามแผนพลังานทดแทน 20 ปี ไปไกลกว่าที่คิดคาดปี 2559 รับซื้อไฟเข้าระบบได้รวมหมื่น MW เตรียมเปิดซื้อไฟโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์ 1-10 พ.ย.นี้พบผู้สนใจกว่า 1,200 รายเตือนVSPP 31 รายหากพบยังไม่ก่อสร้างยึดใบอนุญาตแน่
  • ธปท.เผยไตรมาส 3/58 สถาบันการเงินทั้งระบบ มียอดเอ็นพีแอลรวมกว่า 3.61 แสนล้านบาท คิดเป็น 2.79% ของสินเชื่อรวม เพิ่มขึ้นจาก 2.38% หรือ 3.12 แสนล้านบาท ในไตรมาส 2/58 แต่เอ็นพีแอลสุทธิที่หักการตั้งสำรองแล้ว ปรับขึ้นไม่มาก โดยสิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.62 แสนล้านบาท หรือ 1.27% ของสินเชื่อรวม เพิ่มจาก 1.18% หรือ 1.53 แสนล้านบาท เมื่อสิ้นไตรมาส 2

*หุ้นเด่นวันนี้

  • LPH(บมจ.โรงพยาบาล ลาดพร้าว)เทรดวันนี้วันแรกในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ในกลุ่มบริการหมวดธุรกิจการแพทย์ ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ประเมินราคาเป้าหมายปี 2016 ที่ 6.50 บาท จากราคาขาย IPO ที่ 5 บาท/หุ้น คาดกำไรสุทธิปีนี้ชะลอ 0.8% Y-Y เพราะเตรียมความพร้อมด้านบุคลากร และคาดโต 64% Y-Y ในปี 2016

LPH ประกอบธุรกิจโรงพยาบาลลาดพร้าว มีบริษัทย่อยคือ AMARC และ ABMC ทำธุรกิจตรวจวิเคราะห์และธุรกิจสนับสนุนบริการทางการแพทย์และพัฒนาธุรกิจ LPH มีแผนลงทุน 3 โครงการใน 4 ปีข้างหน้าคือ โครงการศูนย์การแพทย์ประกันสังคมลาดพร้าว (เปิดปี 2017) ศูนย์พักฟื้นและดูแลผู้สูงอายุลาดพร้าว (เปิดปี 2018) และรพ.ลาดพร้าวลำลูกกา (เปิดปี 2019)

  • KKP(แอพเพิล เวลธ์)"ซื้อ"จากแนวโน้มสินเชื่อเริ่มกลับมาฟื้นและกำไรกลับมามีแนวโน้มเชิงบวกอีกครั้ง พร้อมกับ NPL ที่ปรับตัวดีขึ้น เราประเมินกำไรสุทธิปี 2558 เพิ่มขึ้นเป็น 3.3 พันลบ.จากที่คาดไว้เดิมที่ 3 พันลบ.และปรับมูลค่าพื้นฐานปี 58 จาก 35.50 บาท เป็น 38.50 บาท และคาด Dividend Yield สูงที่ 6.4% โดย KKP ประกาศกำไรสุทธิงวด 3Q58 ที่ 923 ล้านบาท เพิ่มขึ้น +23%QoQ และ +9%YoY จากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่ปรับตัวดีขึ้นที่ 2.46 พันลบ. +12%QoQ และ +8%YoY จากสินเชื่อที่เริ่มกลับมาขยายตัว +0.6%QoQ แต่ยัง -4.2%YTD
  • BANPU(โกลเบล็ก)"ซื้อ"เป้า 32 บาท ได้ประโยชน์จากการที่บมจ.บ้านปู เพาเวอร์(BPP)เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน 648,492,500 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นบมจ.บ้านปู(BANPU)ไม่เกิน 210 ล้านหุ้น และเสนอขายประชาชนไม่เกิน 438,492,500 หุ้น วัตถุประสงค์การเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืม ลงทุนขยายธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
  • CPN(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 60 บาท ตั้งเป้าเติบโต CAGR 15% ต่อปี แบ่งเป็นการเติบโตจากสาขาปัจจุบัน 5% และอีก 10% มาจากการเปิดศูนย์ใหม่ที่มีแผนเปิดสาขาปีละ 2-3 แห่งทุกปี ผู้บริหารคาดการบริโภคชะลอตัวลงในไทยเป็นเพียงระยะสั้น แต่จะฟื้นกลับมาได้ในระยะยาวจึงยังเน้นขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ