อีกทั้งบริษัทเน้นการขายสินค้าที่ให้มาร์จิ้นสูง โดยเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนที่ช่วยให้ระดับอัตรากำไรสุทธิมีการเติบโตขึ้นทุกปี โดยในปีนี้บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อนที่ 13.5% หลัง 9 เดือนที่ผ่านมามีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 14.18%
“การเติบโตของกำไรในอนาคตรวมถึงในปีหน้า เราจะรักษาให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากการทำตลาดกระจายตัว ไม่ว่าจะเป็น Consumer Industry และกลุ่มยานยนต์ ซึ่งทุกอย่างเราให้ความสำคัญเท่ากัน ไม่มีตัวไหนเป็นพระเอก ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4 ปีนี้ เรามองว่าผลการดำเนินงานจะดีกว่าไตรมาส 3 ที่ผ่านมา หากไม่มีมรสุมอะไรเข้ามา เพราะดูแล้วยอดขายก็ไม่ได้ตก ซึ่งจริงๆเราไม่เน้นยอดขาย แต่เน้นกำไรมากกว่า"นายอนุสรณ์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนสร้าง LAB DESIGN ในเมืองบังกาลอร์ และการสร้างโรงงานผลิตแห่งใหม่ในเมืองทามิลนาดูของอินเดีย ซึ่งอยู่ระหว่างเจรจาเงื่อนไขและข้อเสนอกับรัฐบาลอินเดีย คาดว่าจะได้ข้อสรุปไตรมาส 1/59 น่าจะใช้เงินลงทุนทั้ง 2 โครงการไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท ส่วนหนึ่งจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัทที่มีอยู่ 1.8 หมื่นล้านบาท และอาจกู้จากสถาบันการเงินในอินเดีย หากค่าเงินรูปีห์อ่อนค่าลง
“ตลาดในอินเดียเรามองว่ามีโอกาสขยายตลาดได้สูง และสามารถขายของไฮเอนด์ได้ค่อนข้างดี รวมถึงเป็นศูนย์กลางที่ช่วยกระจายสินค้าออกไปยุโรป และแอฟฟริกาได้ ซึ่งทางรัฐบาลอินเดียสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการพูดคุยเรื่องภาษี โดยเฉพาะที่ยุโรปที่ภาษีแพงมาก ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้จากอินเดียอยู่ที่ 5% หากการลงทุนที่อินเดียเสร็จก็จะทำให้สัดส่วนของอินเดียเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย แต่ตลาดใหญ่ของเรายังเป็นยุโรปอยู่ ที่มีสัดส่วนมากที่สุดถึง 50%"นายอนุสรณ์ กล่าว