"เราคาดว่าทั้งปีนี้เราคงขาดทุนอยู่ แม้ว่ายอดขายจะกระเตื้องขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้านต่างๆของภาครัฐ เนื่องจากปัจจุบันการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทได้ศึกษาแนวทางการลดต้นทุน ทั้งด้านกระบวนการผลิต วัตถุดิบ และการขนส่ง "นายรังสี กล่าว
ปีที่แล้ว SMART มีกำไรสุทธิ 41.71 ล้านบาท และมีรายได้รวม 432.7 ล้านบาท ขณะที่ในช่วงครึ่งแรกปีนี้บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 4.87 ล้านบาท และมีรายได้รวม 169.74 ล้านบาท
นายรังสี คาดว่ารายได้ทั้งปีนี้จะทำได้ในระดับไม่ต่ำกว่า 380 ล้านบาท ลดลงไม่เกิน 5% จากปีก่อน จากเดิมที่คาดว่ารายได้จะลดลงถึง 20% เนื่องจากแนวโน้มยอดขายในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้น ตามแผนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯ ทั้งในส่วนของการอัดฉีดเงินสู่รากหญ้า รวมไปถึงการใช้มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์เร่งงานก่อสร้างโครงการในรูปแบบต่างๆให้แล้วเสร็จ นอกจากนี้บริษัทยังเน้นการเข้ารับงานภาครัฐมากขึ้นด้วย
นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ SMART บล็อกเย็น ก็เริ่มเป็นที่รู้จักและยอมรับคุณภาพจากผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น ส่งผลให้ปริมาณการผลิตและจำหน่ายในช่วงไตรมาส 3/58 ขยายตัวประมาณ 5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไม่ต่ำกว่า 420 ล้านบาท หรือเติบโต 10-15% จากปีนี้ และมั่นใจจะพลิกมีกำไร โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะกลับมาอยู่ที่ระดับ 5% จากธุรกิจที่เติบโตทั้งในประเทศและต่างประเทศ หลังปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศ CLMV มากขึ้น ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 2-3% จากปัจจุบันไม่มีเลย
โดยมองว่าตลาดต่างประเทศมีงานก่อสร้างที่ขยายตัวค่อนข้างสูง ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เข้าไปทำตลาดในลาวเป็นอันดับแรก โดยนำสินค้าเข้าผ่านทางดีลเลอร์ในพื้นที่เพื่อจำหน่ายสินค้า และล่าสุดบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจากับดีลเลอร์ในประเทศกัมพูชา คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วงไตรมาส 4/58 และอาจจะมีรายได้เข้ามาเล็กน้อยในปีนี้
นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาเพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ ผนังสำเร็จรูป คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปี 59 หากเป็นไปตามแผนในช่วงไตรมาส 3/59 ก็คาดจะใช้งบลงทุนราว 150 ล้านบาท เพิ่มกำลังการผลิตรวมขึ้นเป็น 6 ล้านตารางเมตร/ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 4.5 ล้านตารางเมตร/ปี