นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์การลงทุน บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะย่อตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบแต่ไม่มาก ภายหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ได้คงอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อนในการประชุมงวดนี้ แต่มีการส่งสัญญาณถึงโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไปวันที่ 15-16 ธ.ค.58
นอกจากนี้ ในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้ ต่างชาติได้ขายในตลาดหุ้น และตลาด TFEX ค่อนข้างมาก โดยขายหุ้นถึงประมาณ 2,800 ล้านบาท ดังนั้นจึงเป็นปัจจัยที่น่าจะกดดันตลาดฯให้ย่อตัวลงในวันนี้
พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,405 จุด ส่วนแนวต้าน 1,415-1,420 จุด
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน
- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด(28 ต.ค.58)ดัชนีดาวโจนส์ปิดที่ 17,779.52 จุด พุ่งขึ้น 198.09 จุด(+1.13%),ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 5,095.69 จุด เพิ่มขึ้น 65.54 จุด(+1.30%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,090.35 จุด เพิ่มขึ้น 24.46 จุด(+1.18%)
- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดเช้าวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 143.14 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 12.57 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 97.96 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 16.59 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 8.46 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ เพิ่มขึ้น 10.09 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 2.83 จุด
- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด(28 ต.ค.58)1,409.26 จุด ลดลง 14.79 จุด(-1.04%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,109.94 จุด เมื่อวันที่ 28 ต.ค.58
- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด(28 ต.ค.58) ปิดที่ 45.94 ดอลลาร์/บาร์เรล พุ่งขึ้น 2.74 ดอลลาร์ หรือ 6.3%
- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด(28 ต.ค.58)ที่ 7.70 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
- เงินบาทเปิดวันนี้ 35.62/64 แนวโน้มอ่อนค่า หลังเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในธ.ค.
- นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมใช้กฎหมายพิเศษหรือมาตรา 44 สั่งลดขั้นตอนเพื่อให้การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของกระทรวงคมนาคมเกิดขึ้นได้เร็ว เนื่องจากขณะนี้พบว่าโครงการเดินหน้าค่อนข้างช้าเพราะติดขั้นตอน เช่น ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และการร่วมลงทุนภาครัฐและเอกชน
- ธนาคารโลกรายงานความยากง่ายในการประกอบธุรกิจปี 2559 พบว่า ไทยถูกจัดอยู่ที่อันดับ 49 จาก 189 ประเทศ ลดจากอันดับ 46 ในการสำรวจครั้งก่อน แต่คะแนนดีขึ้นจาก 71.33 เป็น 71.42 เพราะมีการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในการประกอบธุรกิจตลอดปีที่ผ่านมา ทำให้ไทยยังคงอยู่ใน 50 อันดับแรกของโลก และอันดับ 4 ในเอเชียแปซิฟิก รองจากสิงคโปร์ ฮ่องกง และมาเลเซีย
- นางอังคณา ปิลันธน์โอวาท ไชยมนัส กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ธนาคารเตรียมพิจารณาขยายวงเงินอีก 1 หมื่นล้านบาท สำหรับมาตรการเพื่อส่งเสริมการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง โดยให้กู้สำหรับผู้ที่มีรายได้สุทธิไม่เกิน 3 หมื่นบาท/เดือน หรือวงเงินกู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท หากมีความต้องการมาก โดยต้องนำเรื่องขออนุมัติคณะกรรมการธนาคารก่อน
- คณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลางอนุมัติรถโดยสาร บขส.และรถร่วมเอกชน ลดราคาแข่งโลว์คอสต์แอร์ไลน์ได้ 20% คงเพดานอัตราขั้นสูงเท่าเดิม พร้อมออกประกาศมาตรการ ก่อนเรียกผู้ประกอบการเอกชนนำใบอนุญาตมาแก้ไขตารางราคา คาดแล้วเสร็จไม่เกิน พ.ย. มั่นใจผู้โดยสารเพิ่ม พร้อมแข่งอาเซียน ยันไม่บังคับ แล้วแต่สมัครใจ
- นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า แม้ปีนี้สถานการณ์ท่องเที่ยวไทยจะเติบโตดี แต่ช่วงปลายปีอาจไม่ร้อนแรงเหมือนต้นปีที่ผ่านมา หลังญี่ปุ่นเริ่มกลับมาทำการตลาดจีนมากขึ้น โดยใช้ข้อได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ที่ใกล้ชิดกันเป็นแรงจูงใจดึงนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ตลาดอาเซียนยังมีอนาคตสดใสช่วยพยุงสถานการณ์ไว้ได้มาก จากสถิติช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้พบว่าเวียดนามขึ้นมาเป็นอันดับ 2 รองจากจีน ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 6.8 หมื่นคน เติบโตกว่า 264% ส่วนอินโดนีเซียอยู่ในอันดับ 8 ที่จำนวน 4.8 หมื่นคน เติบโตราว 101.69%
*หุ้นเด่นวันนี้
- SCC(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 580 บาท กำไรสุทธิเป็นไปตามคาด อยู่ที่ 9 พันล้านบาท -35% Q-Q, +15% Y-Y กำไรที่ลดลง Q-Q เพราะมี stock loss 2.16 พันล้านบาท และขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 1.47 พันล้านบาท ถ้าไม่รวมรายการพิเศษ กำไรลดลงเพียง 9% Q-Q จากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์และวัสุดก่อสร้างที่ลดลง และราคาปิโตรเคมีลดลง สำหรับกำไรทั้งปี 2015 ยังโดดเด่น เพราะเพียง 9M15 กำไรสุทธิก็โต 37% Y-Y โดยคาดกำไรทั้งปี +33% Y-Y ปีหน้า +7% Y-Y ธุรกิจปิโตรฯยังคงเป็นพระเอก
- EPG(ฟินันเซีย ไซรัส)"ซื้อ"เป้าปีหน้า 13 บาท แนวโน้มกำไรใน 2Q16(ก.ค.-ก.ย.2015)จะดีกว่าที่เราเคยคาดไว้ที่ 317 ล้านบาท อาจทำได้ถึง 350-370 ล้านบาท โตกระโดด 145-160% Y-Y หนุนโดยยอดขายในกลุ่มชิ้นส่วนรถกระบะที่ทะลักเข้ามาหลังผ่านการเปลี่ยนรุ่นเป็นโตโยต้ารีโว่แล้ว ขณะที่ยอดขายในกลุ่มฉนวนยางและบรรจุภัณฑ์พลาสติกโตต่อเนื่อง ปัจจุบันมี PE 16 เท่าปีหน้า แม้จะสูงกว่ากลุ่มที่ 12 เท่า แต่การเติบโตของกำไรปีหน้าที่ 21% ก็สูงกว่ากลุ่มที่โตเพียง 10%
- BCP(ดีบีเอส วิคเคอร์ส)"ซื้อ"เป้า 39 บาท คาดการณ์กำไร 3Q58 เป็น 367 ล้านบาท ลดลง 87% q-o-q และ 4% y-o-y แต่ถือว่ายังดีที่ยืนกำไรในแดนบวกได้ แม้ราคาน้ำมันปรับลงแรง อีกทั้งคาดราคาหุ้นสะท้อนข่าวผลการดำเนินงานไปแล้ว ส่วน 4Q58 คาดกำไรดีขึ้น ด้านการจ่ายปันผลอยู่ในเกณฑ์ดีคาดอัตราผลตอบแทนมากกว่า 5% ช่วง 2 ปีข้างหน้านี้ มีการกระจายความเสี่ยงธุรกิจที่ดี (มีธุรกิจไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ด้วย)อีกทั้งกระแสเงินสดมีเสถียรภาพตามธุรกิจที่ดำเนินอยู่
- SVI(ธนชาต)"ซื้อ"เป้าหมายปี 2016 ที่ 6.0 บาท กำไรเข้าสู่งระดับปกติ 2Q15 และจะกลับมาเติบโตแกร่ง 21-14% ในปี 2016-17 ส่งผล PE ลดลงแหลือ 13x ปีหน้า ด้วยเงินปันผล 4% ปีนี้