"เศรษฐกิจปีหน้าคงโตได้มากกว่า 3 เปอร์เซ็นต์ แต่อาจไม่ถึง 4 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสินเชื่อน่าจะขยายตัวได้ 4-5 เปอร์เซ็นต์" นายเดชา กล่าว
นายเดชา กล่าวว่า การดำเนินนโยบายของรัฐบาลจะเริ่มเห็นผลเป็นรูปธรรม และระบบเศรษฐกิจของประเทศยังมีความจำเป็นต้องอาศัยการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานจากภาครัฐเป็นสำคัญ ซึ่งต้องเร่งเบิกจ่ายเพื่อให้มีเม็ดเงินเข้าไปหมุนเวียนในระบบ ส่วนการกำหนดนโยบายต้องมีความชัดเจน และดำเนินการอย่างเด็ดขาด เช่น การแก้ปัญหาสต๊อกข้าวต้องทำให้เกิดความมั่นใจเรื่องคุณภาพว่าจะไม่มีการลับลอบนำข้าวออกมาปลอมปน, การกำหนดพื้นที่เพาะปลูก(โซนนิ่ง)ยางพาราเพื่อแก้ปัญหาราคาตกต่ำ
นายเดชา กล่าวว่า ปัญหาเรื่องหนี้ครัวเรือนยังน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางที่มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ดังนั้นการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ควรมีความยืดหยุ่นอย่างมีเหตุมีผล ขณะที่การดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงินก็ต้องระมัดระวัง เพราะการแข่งขันในภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์ เพราะสถานการณ์ยังผันผวน
นายเดชา กล่าวว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังอยู่ในภาวะเสี่ยงที่เกิดปัญหาฟองสบู่ เนื่องจากมีปริมาณการก่อสร้างมากสูงกว่าความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากการทำตลาดที่มีการลดแลกแจกแถม ส่วนเรื่องราคาน้ำมันและอัตราแลกเปลี่ยนยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อค่าขนส่ง โดยปีหน้าค่าเงินบาทเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ 36 บาท/ดอลลาร์
"ปีหน้าคิดว่าดอกเบี้ยขึ้นแน่แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ การแก้ปัญหาความเสี่ยงยังต้องเข้มข้น การดูแลเศรษฐกิจของแบงก์ชาติต้องยืดหยุ่นมีเหตุมีผล หนี้ครัวเรือนน่าเป็นห่วงมากโดยเฉพาะผู้มีรายได้ปานกลางที่ระมัดระวังเรื่องการใช้จ่ายมากขึ้น มีคนเดินห้างเยอะแต่ยอดขายไม่ได้เยอะตาม" นายเดชา กล่าว