IRPC แจ้งว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 887.43 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 22.1 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายสุทธิ 4.87 หมื่นล้านบาท ลดลง 29% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์โดยรวมที่ลดลง 36% ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง ขณะที่ปริมาณขายรวมเพิ่มมขึ้น 7% เป็น 1.95 แสนบาร์เรล/วัน
สำหรับ Market GIM ในไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 14.13 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 7.41 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น ทำให้ GIM เพิ่มขึ้น 6.87 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยส่วนต่างที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เกิดจากต้นทุนน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตลดลงตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง และโครงการเพิ่มประสิทธิภาพทั่วทั้งองค์กร โดยเฉพาะการผลิตและการตลาดภายใต้โครงการเดลต้าทำให้ GIM เพิ่มขึ้น 0.54 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล
อย่างไรก็ตาม การลดลงของราคาน้ำมันดิบดูไบจาก 61.3 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในไตรมาส 2/58 เป็น 49.7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในไตรมาส 3/58 ทำให้มีขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน 1,5978 ล้านบาท หรือ 2.77 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมีผลขาดทุนจากค่าเผื่อการลงทุนของราคาสินค้าคงเหลือ(LCM) จำนวน 191 ล้านบาท หรือ 0.33 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมีขาดทุนจาก Oil Hedging จำนวน 407 ล้านบาท หรือ 0.70 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตทางบัญชี (Accounting GIM) ซึ่งรวมผลกระทบจากสต็อกผลิตภัณฑ์ จำนวน 10.33 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากระดับ 3.01 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในช่วงเดียวกันของปีก่อน
สำหรับในไตรมาส 3/58 บริษัทมีปริมาณการกลั่นรวม 1.77 แสนบาร์เรล/วัน มีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 82% เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 3/57 ที่มีปริมาณการกลั่นรวม 1.63 แสนบาร์เรล/วัน และมีอัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 76%
นอกจากนี้ในไตรมาส 3/58 มีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่วนใหญ่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 1,064 ล้านบาท จากเงินบาทที่อ่อนค่าลง ขณะที่ในไตรมาส 3/57 มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ส่วนใหญ่ยังไม่เกิดขึ้นจริง 33 ล้านบาท โดยบริษัทมีเงินกู้ระยะยาวสกุลเงินเหรียญสหรัฐ 403 ล้านเหรียญสหรัฐ