พร้อมทั้งมั่นใจรายได้ปีนี้โตตามเป้าที่ 40-50% และโตต่อเนื่องมาที่ระดับ 2 พันล้านบาทในปีหน้า จากการเข้าประมูลงานทั้งในและต่างประเทศต่อเนื่อง โดยเตรียมยื่นเสนอราคางานตกแต่งภายในโรงแรมขนาดใหญ่ในเมียนมาร์
นางนุชนารถ รัตนสุวรรณชาติ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ ของ BKD เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการร่วมทุนกับนักลงทุนรายหนึ่งเพื่อเข้าซื้อกิจการเซอร์วิอพาร์ทเม้นท์ ย่านสุขุมวิทมูลค่าราว 2 พันล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นบริษัทคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากงานรีโนเวทโครงการ และสร้างรายได้ค่าเช่าเข้ามาเป็นรายได้ประจำ
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้มั่นใจว่าจะทำรายได้ได้ตามเป้าหมายที่คาดว่าจะเติบโต 40-50% จาก 906.83 ล้านบาทในปีก่อน จากการรับรู้รายได้งานในมือ(Backlog) ในปีนี้ 1.3 พันล้านบาท ส่วนในปีหน้าบริษัทคาดว่ารายได้มีโอกาสพุ่งแตะ 2 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้งานมากขึ้นในปีนี้และจะรับรู้เป็นรายได้เข้ามาในปี 59 เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรสุทธิเติบโตมากขึ้นจากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ไม่ต่ำกว่า 13%
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ 2.6 พันล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 3 พันล้านบาทในสิ้นปีนี้ จากงานรับเหมาตกแต่งภายในของภาคเอกชนมูลค่า 1 พันล้านบาทที่จะประกาศในเร็วๆนี้ นอกจากนี้ บรัษัทยังเข้าประมูลงานใหม่ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงงานในต่างประเทศ มูลค่ารวมประมาณ 3 พันล้านบาทที่จะทยอยประกาศผลในช่วงที่เหลือของปีนี้จนถึงต้นปี 59 โดยบริษัทคาดหวังจะได้รับงานทั้งหมดราว 2 พันล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าการรับงานตกแต่งภายในของโครงการบ้านจัดสรร The Park Land Sen Sok เฟส 2 มูลค่า 70-80 ล้านบาทในกัมพูชานั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการรองานก่อสร้างแล้วเสร็จเพื่อเข้าไปเริ่มงานตกแต่ง ซึ่งอาจล่าช้าบ้างเล็กน้อย เพราะเจ้าของโครงการยังไม่มีความชำนาญในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากนัก
อย่างไรก็ตาม บริษัทก็ยังเป็นพันธมิตรที่ดีต่อกัน และได้มีการเซ็นสัญญาระยะยาวในการเป็นผู้รับเหมาทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่ารวม 1 พันล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมเข้ายื่นเสนอราคารับงานตกแต่งภายในโรงแรมขนาดใหญ่ในเมียนมาร์ คาดว่าจะเสนอราคาได้ภายในสิ้นปีนี้
สำหรับที่ดินเปล่าบนถนนกรุงเทพกรีฑาขนาด 20 ไร่นั้น บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะขายที่ดินหรือพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยว เนื่องจากมองแนวโน้มราคาที่ดินจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากมีการสร้างถนนผ่านที่ดินดังกล่าว ขณะที่การขายที่ดินสามารถบันทึกเข้ามาเป็นรายได้และกำไรพิเศษทันที และไม่มีต้นทุนการบริหารจัดการมากนัก ต่างจากการพัฒนาเป็นโครงการที่บริษัทจะต้องลงทุนค่อนข้างมาก และยังมีความเสี่ยงของการขายโครงการและภาวะเศรษฐกิจในอนาคตที่ยังมีความไม่แน่นอน
"ตอนนี้เรารอให้ราคาที่ดินถึงจุดที่เหมาะสมก่อน ก็คร่าวๆที่จะขายที่ดินผืนนี้ก็อยากขาย 800 ล้านบาท Book เราตอนนั้น 80 ล้านบาท ที่ราคาที่ดินกระโดดขึ้นมาเพราะมีการทำถนนผ่านและจะเสร็จสมบูรณ์อีกสัก 2 ปี ไม่แน่หากขายก็อีกสักปี 2 ปีก็น่าจะขายได้ราคาดี"นางนุชนารถ กล่าว