(เพิ่มเติม) KCE ทุ่ม 4.6 พันลบ.เปิดรง.ใหม่เพิ่มกำลังผลิต,คาดปีนี้กำไรสุทธินิวไฮ

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 3, 2015 17:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ (KCE)ทุ่มงบ 4,675 ล้านบาทในการสร้างโรงงานในเขตนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง บนเนื้อที่กว่า 19 ไร่ โดยมีกำลังผลิต 2.0 ล้านตารางฟุต (ตร.ฟ.)/เดือน ซึ่งเริ่มทยอยแล้วเสร็จตั้งแต่ปลายปี 57 ถึงปลายปี 59 โดยจะสามารถรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าได้เพิ่มขึ้น ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกยังเติบโต ซึ่งจะช่วยหนุนกำไรสุทธิปีนี้ทำระดับสูงสุดใหม่ และหนุนรายได้แตะระดับ 2 หมื่นล้านบาทในปี 61 จากระดับ 1.25-1.3 หมื่นล้านบาทที่คาดว่าจะทำได้ในปีนี้

นายพิธาน องค์โฆษิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ของ KCE คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดใหม่ จาก 2.1 พันล้านบาทในปีก่อน เป็นผลมาจากการลดต้นทุนการดำเนินงานของโรงงานเก่าที่ลาดกระบังที่จะปิดในเร็วๆนี้ ทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงตั้งแต่ไตรมาส 4/58 เป็นต้นไปคิดเป็นประมาณ 15 ล้านบาทในปีนี้ ขณะที่ปี 59 จะลดค่าใช้จ่ายได้ถึงไตรมาสละ 30 ล้านบาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้อัตรากำไรสุทธิในปีหน้าสูงกว่า 17-18% ในปีนี้

สำหรับโรงงานเก่าที่จะปิดดำเนินงานนั้น บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะนำไปใช้ประโยชน์ในด้านอื่น หรือสร้างโรงงานเฟส 3 ของบริษัทย่อย

"โรงงานเก่า กำลังการผลิต 6.5 แสนตารางฟุต จะปิดเร็วๆนี้ ซึ่งจะทำให้เราลดต้นทุนได้ถึง 30 ล้านบาท/ไตรมาส โดยจะเริ่มเห็นในช่วงไตรมา 4/58 เป็นต้นไป แต่ปีนี้คงเห็นได้ไม่เยอะ น่าจะประมาณ 15 ล้านบาท และน่าจะส่งผลต่อความสามารถในการทำกำไรปี 59 ก็น่าจะเติบโตขึ้น โดยเฉพาะอัตรากำไรสุทธิที่จะเพิ่มขึ้นราว 1-1.5%"นายพิธาน กล่าว

นายพิธาน คาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะเติบโตราว 10% มาที่ราว 1.25-1.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งถือว่าต่ำกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะมีรายได้เติบโต 15-18% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากค่าเงินสกุลยูโรที่อ่อนค่าทำให้เมื่อแปลงเป็นสกุลเงินบาททำให้รายได้ลดลงถึง 300-400 ล้านบาท ขณะที่สัดส่วนรายได้ปีนี้จะมาจากการผลิตชิ้นส่วนให้กับบริษัทรถยนต์หรูค่ายใหญ่ 70% และผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) 30%

ขณะที่บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2 หมื่นล้านบาทในปี 61 จากการเดินเครื่องผลิตเต็มที่ของทุกโรงงานรวมกันที่ราว 3.75 ล้านตร.ฟ./เดือน ส่วนในปี 59 คาดว่ารายได้จะเติบโตราว 15-18% มาที่ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท ตามคำสั่งซื้อของลูกค้าใหม่ค่ายรถยนต์ที่เข้ามาเพิ่มขึ้น และคาดอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกน่าจะมีแนวโน้มการเติบโตได้ 2-3% ซึ่งตลาดยุโรป อเมริกา และเอเชีย น่าจะเห็นการเติบโตที่เป็นบวกได้ โดยแนวโน้มการผลิตของค่ายรถยนต์จะเริ่มมีการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิส์มากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในอนาคตที่มีความต้องการในเรื่องของความปลอดภัย ,ความสะดวกสบายและการประหยัดพลังงาน

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก เนื่องด้วยมีการส่งออกเกือบ 100% แต่ในด้านปัจจัยจากอัตราแลกเปลี่ยนมีแนวโน้มที่จะเป็นผลบวกต่อบริษัท หลังมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้ และปี 59 ซึ่งจะส่งผลทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลง

สำหรับเงินลงทุน 4,675 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างโรงงานใหม่ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (Printed Circuit Board) นั้นมีกำลังการผลิตรวม 2.0 ล้านตร.ฟ./เดือน ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทสามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์สำหรับยานยนต์รายใหญ่ 1 ใน 3 อันดับแรกของโลก

ด้านการก่อสร้างโรงงานใหม่จะแบ่งออกเป็น 3 เฟส ได้แก่ เฟส 1 มูลค่าลงทุน 2,861 ล้านบาท ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายปี 57 มีกำลังการผลิต 7 แสนตร.ฟ./เดือน และเฟส 2 มูลค่าลงทุน 484 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 6 แสนตร.ฟ./เดือน จะเริ่มดำเนินการปลายปี 58 ส่วนเฟส 3 มูลค่าลงทุน 1,330 ล้านบาท กำลังการผลิตที่ 7 แสนตร.ฟ./เดือน เริ่มดำเนินการผลิตปลายปี 59 โดยในปลายปี 60 ถึงต้นปี 61 จะมีกำลังการผลิตรวม 2 ล้านตร.ฟ./เดือน ถ้าหากรวมโรงงานปัจจุบันที่มีอยู่ในจ.พระนครศรีอยุธยา และที่บางปู จะทำให้มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 3.75 ล้านตร.ฟ./เดือน โดยโรงงานใหม่คาดว่าจะใช้เวลา 5-6 ปีนับจากปี 59 เป็นต้นไปจึงจะถึงจุดคุ้มทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ