ทั้งนี้ ตั้งแต่การเปิดให้นักลงทุนที่เป็นผู้ถือหุ้น บมจ.เจมาร์ท(JMART)ได้สิทธิจองซื้อระหว่างวันที่ 26-28 ต.ค.พบว่ามีผู้ใช้สิทธิจองซื้อหุ้นเข้ามาตามคาด และนักลงทุนทั่วไปจองซื้อระหว่างวันที่ 2-4 พ.ย.ก็ได้รับการตอบรับที่ดี สะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจที่มีต่อบริษัท เนื่องจากธุรกิจบริหารพื้นที่เช่ามีการเติบโตในอัตราที่โดดเด่น มีความสามารถในการทำกำไรที่ดี และมีแผนธุรกิจในอนาคตอย่างชัดเจน ภายหลังการระดมทุนในครั้งนี้จะทำให้ฐานะทางการเงินของ J มีความแข็งแกร่ง พร้อมขยายพื้นที่เช่าเพื่อเพิ่มศักยภาพการเติบโตในอนาคต
ประกอบกับ การที่กำหนดราคาขายหุ้น IPO ที่ 2.77 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ประมาณ 12.7 เท่า จากกำไรปกติจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค.57 ถึงสิ้นเดือน มิ.ย.58) และมีส่วนลดให้กับนักลงทุนถึง 55% จากราคาพื้นฐานที่บริษัทหลักทรัพย์ผู้ร่วมจัดจำหน่ายได้ทำไว้
ด้านนางนงลักษณ์ ลักษณะโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร J กล่าวว่า บริษัทมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และมีการเติบโตในอัตราที่โดดเด่นอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า IT Junction ซึ่งบริหารโดยใช้เงินลงทุนต่ำ มีผลตอบแทนสูง นอกจากนี้ ยังเล็งเห็นโอกาสในการขยายธุรกิจพื้นที่เช่า ผ่านโครงการในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน The Jas และตลาดชุมชน J Market เพื่อขยายฐานลูกค้ากลุ่มเป้าหมายให้กว้างยิ่งขึ้น สนับสนุนผลการดำเนินงานบริษัทมีการเติบโตที่ดี มีความสามารถในการทำกำไรสูงอย่างต่อเนื่องในอนาคต
หลังจากเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายในการขยายจำนวนพื้นที่เช่าทั้ง 3 รูปแบบให้มากกว่า 100 สาขาภายในปี 62 จากปัจจุบันที่มีสาขารวมอยู่ที่ 49 สาขา สนับสนุนภาพรวมธุรกิจให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เป็นทั้งหุ้น Growth & Dividend Stock ที่มีการเติบโตสูง และมีนโยบายการจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 50% จึงเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้ได้สร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน จนทำให้เข้ามาจองซื้อหุ้นไอพีโอของบริษัทฯ มากเกินความคาดหมาย