อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงแบรนด์ของบริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ซึ่งเป็นที่ยอมรับในตลาดคอนโดมิเนียมระดับกลางถึงบน ตลอดจนกลยุทธ์การสร้างความแตกต่างของสินค้า และยอดขายที่รอการรับรู้รายได้ (Backlog) ในอนาคตของบริษัทอีกจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงบางส่วนจากความเสี่ยงที่บริษัทให้ความสำคัญกับการใช้เงินลงทุนจำนวนมากในโครงการคอนโดมิเนียมแห่งหนึ่ง คือ Noble Ploenchit ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงถึง 18,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 40% ของมูลค่าโครงการของบริษัททุกแห่งรวมกัน
นอกจากนี้ การพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงลักษณะของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลงและมีการแข่งขันสูง ตลอดจนความกังวลในภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ชะลอตัว และระดับหนี้ครัวเรือนที่สูงด้วย
แนวโน้มอันดับเครดิต “Negative" หรือ “ลบ" สะท้อนถึงผลการดำเนินงานของบริษัทที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้และอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่ค่อนข้างสูง หากบริษัทไม่สามารถส่งมอบยอดขายรอการรับรู้รายได้ได้ตามแผน ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานและสถานะทางการเงินอ่อนแอจากที่คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้มีการปรับลดอันดับเครดิตลงได้ ทั้งนี้ แนวโน้มอันดับเครดิตอาจกลับมาเป็น “Stable" หรือ “คงที่" ได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนไม่สูงเกินกว่า 65% ตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นไป ในขณะที่อันดับเครดิตของบริษัทยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับเพิ่มขึ้นในระยะอันใกล้นี้
บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์เป็นผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลางซึ่งก่อตั้งในปี 2534 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2539 บริษัทเน้นการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งมีราคาขายตั้งแต่ 120,000 บาทจนถึง 230,000 บาทต่อตารางเมตร (ตร.ม.) เป็นหลัก นอกจากนี้ สินค้าที่อยู่อาศัยของบริษัทยังรวมถึงบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ และที่ดินจัดสรรด้วย บริษัทมีการออกแบบที่อยู่อาศัยทุกประเภทอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงทำให้โครงการของบริษัทมีความแตกต่างไปจากโครงการของผู้ประกอบการรายอื่น
ณ เดือนกันยายน 2558 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยเหลือขาย 16 โครงการ โดยประมาณ 80% ของมูลค่าโครงการทั้งหมดเป็นโครงการคอนโดมิเนียม ที่เหลือเป็นโครงการบ้านจัดสรร โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทมีมูลค่าเหลือขาย (รวมทั้งยูนิตที่ก่อสร้างแล้วและที่ยังไม่ได้ก่อสร้าง) เท่ากับ 13,850 ล้านบาท บริษัทมียอดขายที่รอการรับรู้รายได้จำนวน 19,980 ล้านบาท โดยประมาณครึ่งหนึ่ง มาจากโครงการ Noble Ploenchit ซึ่งมีกำหนดโอนในช่วงปลายปี 2559 ทั้งนี้ บริษัทมียอดขายที่รอการรับรู้รายได้จำนวนน้อยมากที่จะส่งมอบในช่วงที่เหลือของปี 2558
ยอดขายของบริษัทในปี 2557 เท่ากับ 5,136 ล้านบาท ลดลง 27% จากปีก่อน ยอดขายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ลดลงถึง 45% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยอยู่ที่ 2,461 ล้านบาท รายได้ในปี 2557 ลดลง 26% จากปีก่อน เป็น 2,276 ล้านบาท ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีการส่งมอบที่อยู่อาศัยแก่ลูกค้าน้อยลง รายได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ของบริษัทลดลงอย่างมากจาก 1,604 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเหลือเพียง 135 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมที่แล้วเสร็จและโอนในปีนี้ ประกอบกับโครงการบ้านจัดสรรที่สร้างเสร็จพร้อมโอนซึ่งเปิดใหม่ คือ Noble Gable ก็มียอดขายช้ามาก จึงคาดว่ารายได้ของบริษัทในปี 2558 จะต่ำกว่า 300 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม จากการที่บริษัทมียอดขายรอการรับรู้รายได้ที่รอส่งมอบจำนวนมาก จึงทำให้คาดว่ารายได้ในอีก 3 ปีข้างหน้าของบริษัทจะมีไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี
อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงระหว่าง 38%-42% ของรายได้รวมในช่วงปี 2553 ถึง 6 เดือนแรกของปี 2558 อัตรากำไรจากการดำเนินงานซึ่งวัดจากอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้จากการขายลดลงเป็น 14% ในปี 2557 และ -191% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 จาก 18%-21% ในช่วงปี 2554-2556 อัตรากำไรจากการดำเนินงานที่ลดลงเป็นผลมาจากรายได้ที่ลดลงและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูง ทั้งนี้ คาดว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานในช่วง 3 ปีข้างหน้าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 25% ของรายได้รวมเมื่อมีการรับรู้รายได้จากยอดขายที่รอการรับรู้รายได้จำนวนมากตั้งแต่ปลายปี 2559 เป็นต้นไป
เงินกู้รวมของบริษัทเท่ากับ 12,435 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2558 เพิ่มขึ้นจาก 11,417 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2557 และ 9,796 ล้านบาท ณ เดือนธันวาคม 2556 อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างทุน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2558 อยู่ในระดับค่อนข้างสูงที่ 76% และอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนเท่ากับ 2.9 เท่า ทั้งนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในช่วงที่เหลือของปี 2558 จนถึงปี 2559 เนื่องจากบริษัทมีการก่อสร้างคอนโดมิเนียมหลายโครงการในช่วงเวลาที่ไม่มีโครงการคอนโดมิเนียมส่งมอบเลยจนกระทั่งไตรมาสสุดท้ายของปี 2559
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้รับอนุมัติจากผู้ถือหุ้นกู้ในการผ่อนปรนข้อกำหนดทางการเงินดังกล่าวในช่วงปี 2558-2559 แล้ว ภายใต้สมมติฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทจะลดลงต่ำกว่า 65% หากบริษัทส่งมอบโครงการ Noble Ploenchit ได้ตามแผน ทั้งนี้ เพื่อที่จะรักษาอันดับเครดิตที่ระดับปัจจุบันเอาไว้
เนื่องจากอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนที่เพิ่มขึ้น อัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมของบริษัทจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยอัตราส่วนดังกล่าวอยู่ที่ 1.7% ในปี 2557 และ -3.2% (ปรับอัตราส่วนให้เป็นตัวเลขเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 ลดลงจาก 4% ในปี 2556 และ 5.4% ในปี 2555 อย่างไรก็ตาม สภาพคล่องทางการเงินของบริษัทยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ โดยบริษัทมีสภาพคล่องที่เพียงพอซึ่งประกอบด้วยเงินสดในมือจำนวน 917 ล้านบาท หลักทรัพย์ในความต้องการของตลาดจำนวน 250 ล้านบาท และวงเงินกู้ยืมจากธนาคารที่ยังไม่ได้เบิกใช้และไม่ติดเงื่อนไขในการเบิกอีกประมาณ 4,800 ล้านบาท ณ เดือนมิถุนายน 2558 นอกจากนี้ บริษัทยังมีเงินจากการผ่อนดาวน์ของลูกค้าอีก 15%-30% ของราคาขายที่อยู่อาศัยด้วย ทั้งนี้ บริษัทมีภาระหนี้ที่จะครบกำหนดชำระในอีก 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 2,000 ล้านบาท