โดยงานวางระบบภายในสถานีรถไฟฟ้านั้น เป็นการรับงานก่อสร้างจากผู้รับเหมาที่ได้รับงานจากภาครัฐแล้ว โดยมีความคืบหน้าในการเซ็นสัญญารับงานไปแล้วมากกว่า 90% คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญารับงานได้ภายในไตรมาสสุดท้ายนี้ ขณะเดียวกันยังมีแผนจะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมทั้งโลว์ไรซ์ และไฮไรซ์ตามแนวรถไฟฟ้าอีกอย่างน้อย 1 โครงการโดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวโครงการได้ในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า
ส่วนการที่ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 6,822 ล้านหุ้น คาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ราว 1,580 ล้านบาท โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถในการรับงานระบบก่อสร้าง รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทยืนยันว่าจะดำเนินแผนธุรกิจหลังจากการเพิ่มทุนให้ได้มีประสิทธิภาพ และผลตอบแทนสูงสุดตามแผน
"ขอบคุณผู้ถือหุ้นของบริษัทที่ให้ความเชื่อมั่นในการเพิ่มทุนในครั้งนี้ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างมากสำหรับการเข้ารับงานในอนาคต และเราขอยืนยันในฐานะที่เป็นคนทำงานว่าเราจะตั้งใจเดินหน้าลุยงานตามแผนธุรกิจที่ได้วางไว้ เพื่อสร้างรายได้ และผลตอบแทนที่ดีสำหรับบริษัท และผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ได้ให้ความไว้วางใจในครั้งนี้"นายชุมพล กล่าว
ทั้งนี้ ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติเพิ่มทุนจำนวน 6,822 ล้านหุ้น ด้วยการให้สิทธิกับผู้ถือหุ้นเดิมสามารถจองหุ้นเพิ่มทุนในอัตราส่วนที่กำหนดไว้ 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ได้ในราคา 0.25 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (BV) รวมถึงผู้ถือหุ้นเดิมจะได้รับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ (EMC-W5) ตามสัดส่วนการถือหุ้นโดยไม่คิดมูลค่า ในอัตราส่วน 2 หุ้นสามัญใหม่ที่จองซื้อหุ้นเพิ่มทุน ต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ EMC-W5 ในราคาใช้สิทธิเท่ากับ 0.25 บาทต่อหุ้น โดยผู้ถือหุ้นได้อนุมัติเพิ่มทุนดังกล่าวด้วยมติเห็นด้วย 2,288,479,849 เสียง คิดเป็น 96.59% จากจำนวนเสียงของผู้ถือหุ้นที่ร่วมประชุมทั้งหมด 2,369,338,362 เสียง