ORI ตั้งเป้ารายได้ปี 59 แตะ 4.4 พันลบ. จากคาด 2 พันลบ.ปีนี้

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 6, 2015 14:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ปี 59 จะเติบโตไปที่ 4,400 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย (Presale) ที่ 7,000-8,000 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 8-10 โครงการ หรือประมาณ 4,000-5,000 ยูนิต มูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นเป็นโครงการคอนโดมิเนียมทั้งหมด ในกรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี และสมุทรปราการ

ขณะที่บริษัทฯได้วางงบซื้อที่ดินในปีหน้าไว้ที่ 1,500-2,000 ล้านบาท ซึ่งยังคงมีความสนใจที่ดินในทำเลส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าเป็นหลัก

"ในปีหน้าเรามีแผนเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง ราว 8-10 โครงการ ซึ่งจะเน้นทำเลในเส้นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าเป็นหลัก โดยมองภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ ก็มีแนวโน้มเติบโตอย่างชัดเจน หลังมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์"นายพีระพงศ์ กล่าว

ทั้งนี้ ในปี 58 บริษัทฯมั่นใจรายได้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 2,000 ล้านบาท จากในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา (เดือนม.ค.-ก.ย.) บริษัทมีรายได้แล้ว 1,300 ล้านบาท โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่กว่า 6,000 ล้านบาท คาดจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/58 ประมาณ 700 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 60 ซึ่งส่วนใหญ่จะรับรู้รายได้ในปี 59 เป็นหลัก

ส่วนยอดขายในปีนี้ บริษัทมั่นใจจะเติบโตมากกว่าเป้าหมายที่ 5,000 ล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทมียอดขายแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในช่วงไตรมาส 3/58 บริษัทสามารถทำยอดขายได้ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 126% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ตั้งบริษัทมา และเป็นการเติบโตสวนทางกับผู้ประกอบการในธุรกิจสังหาริมทรัพย์รายอื่น

ขณะที่ช่วงที่เหลือของปี บริษัทฯเตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีกจำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1,100 ล้านบาท ปัจจุบันเปิดไปแล้วจำนวน 7 โครงการ จากเป้าหมายทั้งปีจะมีการเปิดโครงการใหม่จำนวน 9 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 8,000 ล้านบาท

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/58 น่าจะเติบโตขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากการทยอยรับรู้รายได้จากยอดขายรอโอน โดยจะประกาศงบในช่วงวันที่ 16-18 พ.ย.นี้ ขณะที่มาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ของภาครัฐที่ออกมา เชื่อว่าจะส่งผลดีกับบริษัทฯ เนื่องจากมองว่าในปีนี้จะมีโครงการอสังหาริมทรัพย์พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ในมือ มูลค่ารวมประมาณ 600-700 ล้านบาท ที่น่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นโครงการในระดับราคาประมาณ 1-3 ล้านบาท และมีโครงการระดับราคาสูงกว่า 3 ล้านบาทอยู่บ้าง

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า ในเดือนต.ค.บริษัทฯได้เปิดตัวโครงการไนท์บริดจ์ ดิ โอเชี่ยน ศรีราชา เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise สูง 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 722 ยูนิต บนพื้นที่ 4 ไร่ 4.5 ตารางวา มีห้อง 2 ประเภท คือประเภท 1 ห้องนอน ขนาด 28-34.5 ตารางเมตร และประเภท 2 ห้องนอน ขนาด 54-57 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 2.69 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท โดยบริษัทฯมียอดขายจากโครงการดังกล่าวแล้ว 40% หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท คาดทั้งปีน่าจะมียอดขายราว 60-70%

อย่างไรก็ตาม โครงการดังกล่าวบริษัทฯเน้นเจาะ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก ประกอบด้วย กลุ่มผู้บริหารระดับสูงในนิคมอุตสาหกรรมทั้งไทยและต่างชาติ กลุ่มผู้สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า และกลุ่มคนในพื้นที่ ที่ต้องการขยายครอบครัว โดยบริษัทฯได้นำห้องชุดประมาณ 25% ของโครงการดังกล่าว ไปกระจายเปิดขายในต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน เพื่อหวังเพิ่มสัดส่วนลูกค้าชาวต่างชาติเป็น 20% จากเดิมที่มี 10% ตลาดศรีราชา ถือเป็นตลาดที่ผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง เฉลี่ยรายได้ของประชากรต่อคนอยู่ที่ 70,000 บาทต่อเดือน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ