ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการจัดทำแผนธุรกิจของปีหน้าคาดว่าแล้วเสร็จในช่วงปลายเดือน ธ.ค.58 เบื้องต้นวางงบลงทุนไว้ราว 400-500 ล้านบาท เพื่อใช้ในการก่อสร้างโร้งงานใหม่ 2 แห่ง คือ โรงงานประกอบแอร์ และโรงงานฉีดพลาสติก ส่วนที่เหลือจะใช้ในการซื้อเครื่องจักรใหม่เพื่อทดแทนเครื่องจักรเดิมที่เพิ่มประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ บริษัทยังมองหาโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ และการร่วมทุนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการต่อยอดธุรกิจและเป็นการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการศึกษาอย่างละเอียดให้รอบคอบก่อน เนื่องจากปัจจุบันยังมีความเสี่ยงจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ช้า ก่อนหน้านี้บริษัทได้เข้าร่วมทุนในบริษัท FSHI และ MSPC ซึ่งปีนี้คาดว่าจะยังมีผลขาดทุนอยู่ แต่ปีหน้าคาดว่าจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวหลังจากผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในปีนี้
นายสามิตต์ กล่าวถึงผลประกอบการในปีนี้ว่า บริษัทมั่นใจกำไรปี 58 จะดีกว่าปีก่อนที่ทำได้ 377.36 ล้านบาท เป็นการเติบโตตามรายได้ที่คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 7,443.22 ล้านบาท แม้ว่ารายได้อาจจะไม่ทำสถิติสูงสุดใหม่ตามที่เคยคาดไว้ หลังจากไตรมาส 3/58 เป็นช่วงโลว์ซีซั่นที่การเติบโตไม่เป็นไปตามเป้าหมาย รับผลกระทบจากตลาดในประเทศชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ตลาดต่างประเทศยังขยายตัวได้ค่อนข้างดี
ทั้งนี้ บริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการรับจ้างผลิต(OEM) 50% ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า 35% ชิ้นส่วนยานยนต์ 12% และส่วนที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ 3%
"ปีนี้เราคาดว่ารายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีรายได้ราว 8 พันล้านบาท จะส่งผลให้กำไรสุทธิปีนี้สูงกว่าปีก่อน ซึ่งปีนี้มีการเติบโตได้ค่อนข้างดีโดยเฉพาะรายได้จาก OEM ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาค่อนข้างมาก ประกอบการบริษัทได้งานแอร์รถยนต์โมเดลใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอีกด้วย"นายสามิตต์ กล่าว
แนวโน้มผลประกอบการในแง่ของรายได้ในไตรมาส 4/58 จะดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/58 ที่มีรายได้ 1,413 ล้านบาท เนื่องจากเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นที่จะมีคำสั่งซื้อเข้ามามาก ประกอบกับในอุตสาหกรรมยานยนต์เริ่มปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/58 ที่ผ่านมา และเชื่อว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก็จะมีการขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง