ทั้งนี้ บริษัทมองว่าในช่วงปลายปีนี้จนถึงกลางปี 59 เนื่องด้วยปัจจัยบวกจากมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ที่ต้องการให้คนที่มีรายได้ปานกลางมีบ้านหลังแรก ดังนั้นเพื่อตอบรับกับอุปสงค์ นอกจากนี้บริษัทยังได้จัดมาตรการ เดอะกู๊ดไลฟ์ ให้ลูกค้าได้รับผลประโยชน์เพิ่มจากมาตรการอสังหาฯ ของรัฐ มูลค่าสูงสุด 3 แสนบาท ตั้งแต่วันนี้จนถึง 28 เมษายนนี้ด้วย
สำหรับบ้านเดี่ยวโครงการใหม่ “คณาสิริ วงแหวน – ลำลูกกา" ตั้งอยู่ที่ เลียบวงแหวน รังสิต-ลำลูกกา บนพื้นที่ 85 ไร่ ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “คณาสิริ ความสุขคณานับ" โดยมีแนวคิด"วิถีชีวิตริมน้ำ"มีจำนวนทั้งสิ้น 399 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยเริ่มตั้งแต่ 116–160 ตารางเมตร เปิดตัวเฟสแรกด้วย 3 แบบบ้าน คณาภัทร คณาสิน และคณาสุข ราคาเริ่มต้นที่ 3.49 ล้านบาท เตรียมเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 19 พฤศจิกายนนี้
ขณะที่“สราญสิริ โคราช"มาจากการเล็งเห็นอุปสงค์ที่มีอยู่อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกของการลงทุนสาธารณูปโภคจากภาครัฐ อาทิ รถไฟทางคู่ โคราช-หนองคาย ซึ่งจะเกิดขึ้นในอนาคต รวมถึงการลงทุนจากภาคเอกชนที่จะเปิดในปี 59 อาทิ เซ็นทรัล โคราช ที่จะเปิดตัวในไตรมาส 4 โครงการตั้งอยู่บนถ.เลี่ยงเมืองนครราชสีมา บนพื้นที่ 60 ไร่ จำนวนทั้งสิ้น 251 ยูนิต ขนาดที่ดิน 50.20-139.30 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 116 – 188 ตารางเมตร กับแบบบ้าน 4 แบบ โดยเปิดให้เยี่ยมชมโครงการและบ้านตัวอย่างวันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ ราคาเริ่มต้นที่ 3.69 ล้านบาท
นายเมธา กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังจนถึงไตรมาส 4 ซึ่งเป็นโค้งสุดท้ายของปีนี้ อุปสงค์ตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบขยายตัวได้ดี เนื่องจากการเร่งลงทุนพัฒนาโครงการพื้นฐานของภาครัฐ และมาตรการอสังหาริมทรัพย์ที่ช่วยกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคมากขึ้น จึงทำให้อุปสงค์แนวราบโดยรวมเพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยอุปสงค์บ้านเดี่ยวเพิ่มขึ้นจาก 5,548 ยูนิต มาอยู่ที่ 7,630 ยูนิต เพิ่มขึ้น 2,082 ยูนิต และอุปสงค์ทาวน์เฮาส์เพิ่มขึ้นจาก 8,686 ยูนิต มาอยู่ที่ 12,002 ยูนิต เพิ่มขึ้น 3,316 ยูนิต
ดังนั้น เป็นผลให้โครงการของแสนสิริได้รับการตอบรับที่ดี จนสามารถปิดการขายถึง 3 โครงการทั้งกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ได้แก่ บ้านเดี่ยวในระดับไฮเอนด์ “นาราสิริ ไฮด์อเวย์" ราคาเริ่มต้น 13 ล้านบาท โครงการทาวน์เฮาส์ “ทาวน์อเวนิว ไทม์ ท่าข้าม 16" ราคาเริ่มต้น 3.19 ล้านบาท และทาวน์เฮาส์ “ฮาบิทาวน์ เกาะแก้ว ภูเก็ต" ราคาเริ่มต้น 2.59 ล้านบาท รวมมูลค่า 3 โครงการเกือบ 2,000 ล้านบาท
"อัตราดูดซับของอุปสงค์แนวราบเพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปได้รับความนิยม โดยกลุ่มลูกค้าคือ วัยเกษียณ กลุ่มคนทำงานที่ขยายครอบครัว และกลุ่มเจ้าของธุรกิจที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยและลงทุน นอกจากนี้บ้านเดี่ยวระดับราคา 3 ล้านบาทก็มีแนวโน้มอุปสงค์ขยายตัวเพิ่มมากขึ้น"นายเมธา กล่าว