ปัจจัยต่างประเทศตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (Non-farm payroll) เมื่อปลายสัปดาห์ก่อนออกมาดีเหนือความคาดหมาย ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)มีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ธ.ค.มากขึ้น กดดันหุ้นของตลาดเกิดใหม่ส่วนใหญ่ให้ปรับตัวลง เนื่องจากเงินทุนจะไหลออกแล้วกลับไปยังตลาดสหรัฐฯ และกดดันค่าเงินในตลาดเกิดใหม่รวมทั้งไทยด้วย
แต่การขายออกของนักลงทุนต่างชาติต่อจากนี้ อาจไม่กระทบ SET Index มากนัก เนื่องจากปัจจุบันยอดซื้อสุทธิจากต่างชาติเหลืออยู่ไม่มาก แต่อาจส่งผลให้ต่างชาติชะลอการเข้าซื้อเพิ่ม ส่วนเม็ดเงินที่เข้าไปอยู่ในดอลลาร์สหรัฐจะผลักดันให้หุ้น Wall Street เดินหน้าต่อไปได้
นอกจากนี้ ยังต้องติดตามการประมูลคลื่น 4G คลื่นความถี่ 1800 ในวันที่ 11 พ.ย.นี้ โดยการประมูลจะส่งผลให้หุ้นกลุ่มสื่อสารที่จะเข้าร่วมประมูล และหุ้นของบริษัทที่เป็นผู้วางระบบการสื่อสาร 4G ได้ประโยชน์ด้วย ทั้งนี้ การลงทุนของภาคเอกชนจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนที่เกี่ยวข้องกับ 4G อีกกว่า 1 แสนล้านบาท
สำหรับ Trading Idea ประจำสัปดาห์นี้ แนะนำซื้อหุ้น บมจ.สามารถคอร์ปอเรชั่น (SAMART) ที่ได้รับประโยชน์จากแนวโน้มการเติบโตที่ดีจากนโยบาย digital economy และการเร่งการใช้จ่ายลงทุนภาครัฐ ตลอดทั้งการประมูล 4G
ทั้งนี้ SAMART มีบริษัทลูกหลายบริษัท ที่ทำรายได้อย่างสม่ำเสมอ เช่น SAMART I-Mobile มีโอกาสที่จะขายโทรศัพท์มือถือ 4G ได้มากขึ้น และมีบริษัท SAMART Engineer ที่ให้บริการเครื่องมือพื้นฐานของ 4G จะสามารถขายอุปกรณ์ให้กับบริษัทที่ประมูล 4G ได้และบริษัทที่ต้องการใช้อุปกรณ์ในการทำ Base station ของระบบ 4G ใหม่
บริษัท Cambodia Air Traffic (CATS) ในประเทศกัมพูชามีสัมปทานหอควบคุมการบิน อยู่ 32 ปี เริ่มตั้งแต่ปี 2001 และ SAMART ยังมีการลงทุนในบริษัทผลิตไฟฟ้า และผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทน เช่น ในกัมพูชา มีโรงไฟฟ้าถ่านหินขนาด 2,000 เมกะวัตต์ และในลาวมีโรงไฟฟ้าพลังน้ำ และมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากขยะขนาด 6-8 เมกะวัตต์ ในประเทศไทย อนึ่งแม้ในปีนี้ Bloomberg จะคาดการณ์กำไรของบริษัทที่ติดลบ 18% แต่คาดว่าในปีหน้าจะฟื้นตัวอย่างแรงได้ถึง 20%
"SAMART จึงถือเป็นหุ้นที่มีการฟื้นตัวชัดเจน (Turnaround stock) ในปีหน้า และถือเป็นหุ้น Infrastructure play ด้านเทคนิคมีสัญญาณซื้อที่แข็งแกร่ง โดย SAMART มีราคาเป้าหมายจาก Bloomberg consensus ที่ 25 บาท"นายวรุตม์ กล่าว