AEC มอง SET Index พ.ย.มีลุ้นพุ่งแตะ 1,450 จุด ยุโรป-ญี่ปุ่นจ่อเพิ่ม QE

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 9, 2015 14:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.เออีซี (AEC) มองตลาดหุ้นไทยในเดือน พ.ย.มีโอกาสทะยานแตะ 1,450 จุด ลุ้นธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น(BOJ) เพิ่มวงเงินกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ประกอบกับรัฐบาลเดินหน้าลงทุนเมกะโปรเจ็กต์ กระตุ้นเศรษฐกิจ แนะเลี่ยงลงทุนกลุ่มสื่อสาร-แบงก์ เปลี่ยนไปลงทุนหุ้นสินเชื่อเช่าซื้อแทน ชู SAWAD เด่น และเลือก BJC เป็นหุ้น Turnaround

นายเกรียงไกร ทำนุทัศน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ ของ AEC เปิดเผยว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเดือน พ.ย.58 มีโอกาสปรับตัวไปกลับระดับ 100 จุด โดยมองดัชนีมีโอกาสแกว่งตัวไปในกรอบ 1,350 จุด ถึง 1,450 จุด โดยอาจเริ่มต้นอย่างผันผวน จากปัจจัยเสี่ยง ประกอบด้วยความผันผวนของหุ้นกลุ่มสื่อสารช่วงใกล้ประมูล 4G ,ความแตกต่างระหว่างนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ที่เตรียมความพร้อมสำหรับการขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds Rate กับ ยุโรปและญี่ปุ่นที่กำลังรอจะออกมาตรการเพิ่มวงเงินการทำ QE โดย SET มีโอกาสพักลงมาที่ 1,370 จุดก่อนปรับขึ้น

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยบวกที่รอผลักดันตลาดในช่วงครึ่งหลังของเดือน พ.ย. 58 คือ แรงเทขายของ US Treasury เข้าสู่ Risky Assets หลังจากที่สหรัฐฯสามารถผ่านมติเรื่อง US Debt Ceiling และแนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Fed Funds Rate ขณะที่ ECB, BOJ มีแนวโน้มที่จะเพิ่มระดับการทำ QE รวมถึงเม็ดเงินนักลงทุนสถาบันที่จะเริ่มปรับเข้ามา 2-4 หมื่นล้านบาท ในช่วงปลายปี และ ความชัดเจนของโครงการลงทุนสาธารณูปโภคของรัฐบาล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

"การปรับขึ้นของตลาดหุ้นไตรมาส 4/58 ยังไม่จบ เราประเมินว่าในช่วงเดือนพ.ย.-ธ.ค.58 ตลาดหุ้นยังมีปัจจัยบวกทั้งจากต่างประเทศ จากความคาดหวังเรื่องการปรับเพิ่มปริมาณการทำ QE ของ ยุโรป และญี่ปุ่น และ ปัจจัยในประเทศที่สัดส่วนการเบิกจ่ายงบลงทุนภาครัฐฯเริ่มปรับเพิ่ม การลดอุปสรรคในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการทยอยเปิดโครงการลงทุนภาครัฐฯ"นายเกรียงไกร กล่าว

นายเกรียงไกร กล่าวว่า สำหรับกลยุทธ์การลงทุน แนะนำหุ้นในกลุ่ม Finance เนื่องจากวัฏจักรสินเชื่อกลุ่ม Finance เป็นขาขึ้น จากการเติบโตของสินเชื่อส่วนบุคคลในประเทศ รายได้ค่าธรรมเนียมการบริหารหนี้ และการขยายตัวของสินเชื่อไปในต่างประเทศ SAWAD, MTLS, GL, KTC คือ กลุ่มที่มีผลการดำเนินงานโดดเด่นสุด

ขณะที่หุ้นที่ผลการดำเนินงานแข็งแกร่งกว่าเศรษฐกิจ หรือมีผลการดำเนินงานฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 58 ได้แก่ FORTH, KAMART, BJC, SYNTEC, BKD, NYT, VTE, และSMPC

สำหรับหุ้นกลุ่มสื่อสาร ให้น้ำหนักเท่ากับตลาด แต่มีโอกาสผันผวนในช่วงเดือนพ.ย. เนื่องจากความเสี่ยงปัจจัยระยะสั้นที่ต้องจับตาคือช่วงใกล้การประมูล 4G โดยให้รอดูการประมูลว่าจะมีความราบรื่นหรือไม่ ขณะที่ หุ้นกลุ่มธนาคาร ให้น้ำหนักต่ำกว่าตลาด ยังคงเป็นกลุ่มธนาคาร ซึ่งยังมีปัจจัยกดดันต่อการขยายสินเชื่อที่ต่ำกว่าเป้า และความเสี่ยงของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นโดย

ทั้งนี้ แนะนำให้เปลี่ยนกลุ่มลงทุนไปที่กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อ เลือก SAWAD, KTC ทดแทนกลุ่มธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด และเลือก BJC เป็นหุ้น Turnaround


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ