ทางกระทรวงได้ติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด โดยพบว่าปัจจุบันทีมผู้บริหารของการบินไทยอยู่ระหว่างวางแผนแก้ไข ซึ่งที่ผ่านมาถึงแม้จะมีการปรับลดสวัสดิการของคณะกรรมการบริษัทไปแล้วเบื้องต้น แต่ต้องยอมรับว่าขณะนี้การดำเนินงานยังล่าช้าเมื่อเทียบกับสายการบินเอกชน และสายการบินต้นทุนต่ำ
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการบินไทยเป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ ซึ่งตามหลักการต้องพิจารณาความเหมาะสมระหว่างเครื่องบิน พนักงาน และเนื้องานให้มีความสอดคล้องกัน โดยเฉพาะการปรับตัวของพนักงานที่ปัจจุบันมีสัดส่วนพนักงานอาวุโสค่อนข้างมาก ส่งผลให้การขับเคลื่อนงานค่อนข้างล่าช้า
ทั้งนี้ ประเด็นชี้แนะที่ต้องการให้การบินไทยกลับไปปรับใช้ คือ 1. การทำงานไม่ควรอุ้ยอ้าย 2. ไม่ควรจัดสรรผลตอบแทนแก่พนักงานเกินความจำเป็น 3. ควรกำหนดเป้าหมายรายได้ซึ่งเป็นโจทย์ท้าทาย และ 4. พิจารณาระบบขายตั๋วให้เอเจนซี่อย่างเหมาะสม
“ประเด็นสำคัญของการบินไทยตอนนี้คือการทำงานค่อนข้างอุ้ยอ้ายซึ่งเกิดขึ้นจากหลายด้านที่ทำงานอย่างเดิมสะสมปัญหามา และตัวพนักงานของการบินไทยมีอายุค่อนข้างเยอะ ผิดกับสายการบินอื่นที่มักจะกำหนดค่าเฉลี่ยอายุของพนักงานเกษียณไว้ค่อนข้างน้อย เพื่อให้เกิดการปรับเปลี่ยนพนักงานใหม่ๆ ที่ยังมีไฟเข้ามาทำงาน เป็นโมเดลที่หลายองค์กรใช้กัน นอกจากนี้ที่ผ่านมาฝ่ายขายของการบินไทยยังมีไม่มีการกำหนดโจทย์เป้าหมายสำนักงานต่างๆ เป็นผลให้อัตราบรรทุกผู้โดยสาร (Cabin Factor) ไม่เข้าเป้าเพราะพนักงานก็ไม่มีความกระตือรือร้น"รมว.คมนาคม กล่าว
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังไม่สามารถเสนอเรื่อง Action Plan สำหรับโครงการเร่งด่วน 20 โครงการมูลค่า 1.79 ล้านบาทได้ทันการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ เพราะยังมีรายละเอียดมากที่จะพิจารณาทบทวนกันอยู่