นายชลัช ชินธรรมมิตร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานจัดหาวัตถุดิบ KSL กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้างวดปี 58/59 รายได้น่าจะเติบโตได้ราว 10% และกำไรสุทธิที่น่าจะดีกว่างวดปีก่อน เนื่องจากมองว่าราคาน้ำตาลในตลาดโลกน่าจะฟื้นตัวขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 59 เป็นต้นไป หรือปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ราว 16 เซนต์/ปอนด์ จากปัจจุบันราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 15 เซนต์/ปอนด์ และการส่งออกที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ปริมาณอ้อยเข้าหีบน่าจะอยู่ในระดับที่ 9 ล้านตัน หรือคิดเป็นผลผลิตน้ำตาล 9.1-9.2 แสนตัน โดยฤดูกาลหีบอ้อยจะเริ่มเปิดหีบได้ในวันที่ 28 พ.ย.58
ส่วนผลการดำเนินงานงวดปี 57/58 บริษัทยอมรับว่ารายได้น่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับงวดปี 56/57 ที่มีรายได้อยู่ที่ 19,631.42 ล้านบาท หลังจาก 9 เดือนแรกมีรายได้ 13,128.80 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลกระทบราคาน้ำตาลที่ปรับตัวลดลงในช่วงต้นปี และปัจจุบันแม้ว่าราคาจะฟื้นตัวดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ก็น่าจะทรงตัวในระดับราคาที่ 15 เซนต์/ปอนด์ไปจนถึงกลางปีหน้า
ขณะที่ไตรมาส 4/58 คาดว่าผลประกอบการจะทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาส 3/58 จากการส่งออกน้ำตาลในช่วงสุดท้ายนี้น่าจะมีไม่มากแล้ว ประกอบกับ ยังมีความเสี่ยงในเรื่องการประกาศราคาอ้อยฤดูการผลิตปี 58/59 ที่คาดว่าจะต่ำกว่าราคางวดปี 57/58 ที่อยู่ในระดับ 900 บาท/ตัน
นอกจากนี้ คาดว่ากำไรสุทธิก็น่าจะลดลงราว 20-30% จากงวดปี 57/58 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,626.22 ล้านบาท โดยในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมามีกำไรอยู่ที่ 1,087.91 ล้านบาท เป็นผลมาจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกที่ปรับตัวลดลง และการส่งออกที่หดตัว
"เราคาดรายได้งวดปี 58/59 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากงวดปี 57/58 ที่คาดว่าจะมีรายได้อยู่ที่ประมาณ 17,000-18,000 ล้านบาท จากปริมาณการหีบอ้อยที่เพิ่มขึ้น และราคาน้ำตาลที่ปรับตัวดีขึ้น โดยปีหน้เราจะโฟกัสในเรื่องประสิทธิภาพของอ้อย และน้ำตาลมากขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อตัวมาร์จิ้นที่น่าจะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย"นายชลัช กล่าว
พร้อมกันนี้บริษัทฯอยู่ระหว่างรอการอนุมัติใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน(รง.4)จากกรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงงานน้ำตาล ที่จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 3.5 หมื่นตัน/วัน คาดว่าน่าจะได้รับใบอนุญาตในเดือน ม.ค.59 และน่าจะเริ่มหีบอ้อยได้ในช่วงปลายปี 60 หลังจากนั้นบริษัทจะสร้างโรงงานผลิตเอทานอล ขนาดกำลังการผลิต 300,000 ลิตรต่อวัน และสร้างโรงไฟฟ้าขนาด 50 เมกะวัตต์ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมทั้งหมด 10,000 ล้านบาท ซึ่งแหล่งเงินทุนจะมาจากกระแสเงินสด และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน
ขณะที่ความคืบหน้าการพิจารณาแยกกิจการผลิตเอทานอลเพื่อเป็นเชื้อเพลิงภายใต้ บมจ.ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด ปัจจุบันอยู่ระหว่างชี้แจงต่อคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อความโปร่งใสของธุรกิจ โดยคาดจะยังคงแผนผลักดันบริษัทดังกล่าวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 59