BCP ระบุว่าในไตรมาส 3/58 มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 3.5 หมื่นล้านบาท ลดลง 25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงกว่า 50% ขณะที่ราคาน้ำมันดิบที่ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน ส่งผลให้มีการขาดทุนจากสต็อกผลิตภัณฑ์รวม 1,458 ล้านบาท และยังมีขาดทุนจากสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์น้ำมันล่วงหน้าอีก 5 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 321 ล้านบาท แต่รับรู้รายได้เงินชดเชยจากประกันภัย 76 ล้านบาท จากการเคลมประกันภัยกรณีน้ำมันสูญหายระหว่างการขนส่ง อย่างไรก็ตามการที่บริษัทมีการกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้น และค่าการกลั่นพื้นฐานที่อยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ภาพรวมมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อมและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 2.18 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยธุรกิจโรงกลั่น มีปริมาณการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยราว 1.17 แสนบาร์เรล/วัน คิดเป็นอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ระดับ 97% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีค่าการกลั่นพื้นฐาน 7.9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากระดับ 6.94 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ในช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ มีรายได้จากการขายไฟฟ้าลดลง เป็นผลจากอัตราค่าไฟฟ้าในไตรมาสนี้ที่มีระดับต่ำลง ส่วนธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มี EBITDA จำนวน 156 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการขาย 374 ล้านบาท และมีปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดิบรวม 200,998 บาร์เรล