(เพิ่มเติม) PACE เผยมี backlog ทยอยรับรู้ฯปี 59-61,ผลงานเทิร์นอะราวด์ตั้งแต่ Q1/59

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 10, 2015 14:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เพซ ดีเวลลอปเมนท์ คอร์ปอเรชั่น(PACE) เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายรอโอน(backlog)มูลค่า 14,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 3 โครงการ มูลค่าส่วนที่พักอาศัย 27,000 ล้านบาท ที่จะสามารถทยอยรับรู้รายได้ในอีกสามปีข้างหน้า(59-61) และเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ประกาศการลงทุนโครงการใหม่อีก 1 แห่ง คือ โครงการที่พักอาศัยย่านถนนถนนนราธิวาสนครินทร์ และบริษัทประกาศความเป็นไปได้ที่จะวางแผนพัฒนาโครงการที่เมืองตากอากาศนิเซโกะ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น

สำหรับความคืบหน้า ด้านการก่อสร้างโครงการมหาสมุทร คริสตัลลากูน ที่เสร็จแล้วและกำลังเร่งการก่อสร้างโครงการมหาสมุทร คันทรี่ และวิลล่า โดยบริษัทจะเปิดขายวิลล่าในช่วงต้นปี 59 ในขณะที่โครงการนิมิต หลังสวน ที่เปิดตัวเมื่อต้นปีและประสบความสำเร็จด้านยอดขาย 100%

นายสรพจน์ เตชะไกรศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PACE เปิดเผยว่า ผลการดำเนินในปี 59 จะเริ่มพลิกกลับมาเป็นกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1/59 เป็นต้นไป หลังจากโครงการมหานครในส่วนของคอนโดมิเนียมพักอาศัยก่อสร้างแล้วเสร็จและสามารถโอนได้ตั้งแต่ไตรมาส 1/59 หลังล่าช้ากว่าเดิมที่จะเริ่มได้ในช่วงไตรมาส 4/58 นอกจากนี้ในช่วงกลางปี 59 จะเริ่มทยอยโอนโครงการมหาสมุทร ที่เป็นโครงการวิลล่า ในช่วงกลางปี 59 ซึ่งปัจจุบันโครงการมหาสมุทรยังไม่เปิดการขาย

ทั้งนี้ในปี 59 บริษัทคาดว่าจะมีการโอนโครงการประมาณ 1.4 หมื่นล้านบาท จากยอดขายรอโอนที่มีอยู่ 1.45 หมื่นล้านบาทในปัจจุบัน และตั้งเป้ารายได้จากการโอนตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นไปเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท/ปี

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีผลขาดทุนหลักพันล้านบาท เนื่องจากบริษัทไม่ได้มีการโอนโครงการอสังหาริมทรัพย์ใดๆทั้งสิ้น โดยมีเพียงรายได้จาก Dean & Deluca ที่เข้ามาอย่างเดียว ส่งผลให้บริษัทมีผลการดำเนินงานขาดทุนอย่างต่อเนื่องและมากกว่าปี 56 และปี 57 ที่ขาดทุน 795.37 ล้านบาท และ 378.77 ล้านบาทตามลำดับ "ไตรมาส 4 ปีนี้คงเป็นไตรมาสสุดท้ายแล้วที่ขาดทุน และทำให้ปีนี้ขาดทุนประมาณพันล้านบาท แต่ปีหน้าเราก็จะเริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 1 และปีหน้าทั้งปีก็จะเริ่มมีกำไรแล้ว เพราะโครงการมหานครเริ่มโอนได้แล้วตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีหน้า ส่วนโครงการมหาสมุทรก็จะโอนได้กลางปีหน้า แต่เราก็ตั้งเป้าให้การโอนแต่ละปีไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ซึ่งในอนาคตยังมีโครงการคอนโดนิมิตรหลังสวนรอโอนอยู่อีก ที่ขายหมดไปแล้ว ยังไม่โอนในปีหน้า"นายสรพจน์ กล่าว

นายสรพจน์ กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของโครงการมหานครนั้นคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์ 100% ในไตรมาส 4/59 โดยในส่วนของคอนโดมิเนียมพักอาศัยจะเสร็จในไตรมาส 1/59 ปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70% ซึ่งบริษัทไม่เร่งการขายโซนคอนโดมิเนียมในตอนนี้ เนื่องจากลูกค้าส่วนใหญ่ที่เป็นลูกค้าระดับบนรอซื้อในช่วงที่คอนโดมิเนียมเสร็จพร้อมโอน ทำให้บริษัทหันมาเร่งงานก่อสร้างให้ทันตามกำหนด ส่วนโซนโรงแรมและจุดชมวิวจะเสร็จในไตรมาส 4/59 โดยบริเวณจุดชมวิวบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาทำราคาบัตรเข้าชม ซึ่งคาดว่าอาจะใกล้เคียงหรือถูกกว่าราคาบัตรเข้าชมจุดชมวิวของประเทศเพื่อนบ้านที่เฉลี่ยอยู่ในช่วง 500-1,000 บาท พร้อมกับสร้างลิฟท์ให้รองรับนักท่องเที่ยวที่ขึ้นไปชมวิวบนโครงการมหานครรองรับได้ 4 ล้านคนต่อปี หรือราว 10,000 คนต่อวัน

ด้านการลงทุนในปี 59 บริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปการลงทุนทโครงการอสังหาริมทรัพย์ ประเภทวิลล่าพักอาศัย ที่เมืองนิเซโกะ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น บนที่ดินที่ทำ MOU เพื่อซื้อและศึกษาความเป็นไปได้ของที่ดินผืนดังกล่าวไปแล้ว จำนวน 100 ไร่ ซึ่งโครงการในฮอกไกโดจะเป็นโครงการที่มีมูลค่าระดับกลาง กลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นลูกค้าระดับบนชาวไทยของบริษัทที่มีความชื่นชอบในการเดินทางไปพักผ่อนในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งการลงทุนบริษัทจะเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมด โดยไม่มีการร่วมทุน แต่จะมีผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นที่ปรึกษาให้กับบริษัท สำหรับแหล่งเงินทุนคาดว่าจะมาจากกระแสเงินสดของบริษัท

ส่วนการลงทุนโครงการอสังหาริทรัพย์ในประเทศในปี 59 จะมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมย่านถนนนราธิวาสฯ ในกรุงเทพฯ ที่บริษัทเพิ่งได้ที่ดินมาจำนวน 2 ไร่ โดยจะมีมูลค่าโครงการอยู่ที่ 3 พันล้านบาท พร้อมกันนี้บริษัทตั้งงบซื้อที่ดินในปี 59 อยู่ที่ 2 พันล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ