"เราไม่กังวลอะไร เพราะวันที่เราเปิดจองมีนักลงทุนจำนวนมากให้ความสนใจและธุรกิจเราค่อนข้างใหม่ในตลาด ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาบริษัทก็มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในแง่ของรายได้และกำไร ถึงแม้ว่าเราจะเข้าตลาดด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคป แต่เราก็มีกำไรจากผลการดำเนินงานแล้ว ซึ่งผลขาดทุนนั้นเกิดขึ้นแค่เพียงทางบัญชีเท่านั้น หากเราขายสินค้าออกไปได้สำรองที่ตั้งนั้นก็จะหายไป"นายเกียรติ วิมลเฉลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ SR กล่าว
นายเกียรติ กล่าวว่า ในช่วงบริษัทเปิดจองซื้อหุ้นที่เสนอขายให้ประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)พบว่ามีความต้องการค่อนข้างมากและจำนวนหุ้นไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในขณะเดียวกันผลประกอบการก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็มีความแตกต่างจากบริษัทอื่นๆที่เข้าตลาดหุ้นด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคป เนื่องจากบริษัทมีผลกำไรจากผลการดำเนินงานแล้ว แม้ทางบัญชีอาจจะมีผลขาดทุนเนื่องจากมีการตั้งสำรองค่าเผื่อการด้อยค่า แต่หากสินค้าดังกล่าวได้ใช้งานแล้วการตั้งสำรองนั้นก็จะหายไป
ทั้งนี้ เห็นว่านักลงทุนมีความเข้าใจธุรกิจ และมองเห็นแนวโน้มในอนาคตของ SR ที่เติบโตตามการขยายโครงข่ายระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติสายหลักและแผนกำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย ซึ่งมีแนวโน้มการใช้ก๊าซธรรมชาติเพื่อผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้น จึงเป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัทในการเติบโตในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทได้เพิ่มการเป็นตัวแทนจำหน่ายปั๊มอุตสาหกรรมแบรนด์ ITT Goulds Pumps บริษัทผู้ผลิตชั้นนำของโลก ซึ่งเป็นปั๊มประเภท Process Centrifugal Pump ที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งมั่นใจว่าจะเป็นสินค้าที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ผลักดันรายได้ของบริษัทเติบโตอย่างมั่นคงในอนาคต
นายเกียรติ คาดว่ารายได้ในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.6 พันล้านบาท โดย ณ สิ้นมิ.ย.มีมูลค่าโครงการกลุ่มธุรกิจก่อสร้างสถานีวัด ที่ยังไม่รับรู้เป็นรายได้กว่า 600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีงานในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์อีก 75 ล้านบาท ทำให้ ณ ปัจจุบันมีมูลค่างานในมือ 740 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่จะรับรู้เป็นรายได้ในปี 59
สำหรับสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากการให้บริการงานวิศวกรรมก่อสร้างสถานีวัดและระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ (MPT) 55% ธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ (NGV) 35% และธุรกิจออกแบบและจำหน่ายระบบปั๊มอุตสาหกรรมและระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า (EPS) 10% ขณะที่ปี 59 สัดส่วนรายได้จาก EPS จะเพิ่มเป็น 20% โดยธุรกิจ EPS มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดถึง 35% หากรายได้เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทดีขึ้นด้วย
ด้านนายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย)ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน SR เปิดเผยว่า การกำหนดราคาหุ้น IPO จำนวน 150 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ในราคาหุ้นละ 3.50 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐาน โดยมีค่าอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ P/E ratio อยู่ที่ 15.05 เท่า โดยมีส่วนลดประมาณ 57.23% จาก P/E Ratio ของบริษัทจดทะเบียนที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจคล้ายคลึงกับ SR ซึ่งเท่ากับ 35.18 เท่า ซึ่งเป็น P/E Ratio เฉลี่ยในช่วงเวลา 3 เดือน ย้อนหลัง
"มั่นใจว่าหุ้น SR จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ถือเป็นบริษัทอันดับต้นๆ ของประเทศในงานทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจ อาทิ การให้บริการงานวิศวกรรมก่อสร้างสถานีวัดและระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ,ธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ และธุรกิจออกแบบและจำหน่ายระบบปั๊มอุตสาหกรรมและระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมและโรงไฟฟ้า"นายรัฐชัย กล่าว
นายรัฐชัย กล่าวว่า แนวโน้มธุรกิจในอนาคตมีโอกาสขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้มั่นใจว่า SR เมื่อเข้าเทรดวันแรกจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี สร้างมิติใหม่สำหรับหุ้นที่เข้าเทรดด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคป