บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า บมจ.เจเอเอส แอสเซ็ท(J) กำหนด Fair Value ปี 2559 อิงวิธี DCF (WACC 10% และ Terminal Growth 2.5%) เท่ากับ 6.00 บาท โดย J มีจุดเด่นเหนือกว่าตรงฐานกำไรเติบโตโดดเด่นช่วง 3 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังคาดหวังเงินปันผลปี 2558 ที่ 0.12 บาท และ 0.18 บาทในปี 2559 ภายใต้สมมติฐาน Div Payout Ratio ที่ 50% ของกำไรสุทธิ
ฐานกำไรจะขยายตัวมากขึ้นตั้งแต่ 2H58 จากการเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่โครงการ IT Junction ที่มีแผนขยายสาขาใหม่เพิ่มอีก 8 สาขา ตามด้วยการเปิดตัวโครงการ The Jas รามอินทรา และ J Market ลาดปลาเค้าในช่วง 3Q58 คาดผลักดันให้กำไรปกติปี 2558 อยู่ที่ 86 ล้านบาท และเติบโตสูง 56% เป็น 134 ล้านบาทในปี 2559 หลัง The Jas รามอินทรา และ J Market ลาดปลาเค้า เข้ามาสร้างรายได้เต็มปี
อีกทั้งยังมีแผนขยายสาขา IT Junction ใหม่ต่อเนื่องอีก 8 สาขา และโครงการ The Jas ใหม่แห่งที่ 3 จะเปิดในช่วง 4Q59 ซึ่งโครงการนี้จะผลักดันกำไรปี 2560 ให้ขยายตัวอีก 30% เป็น 175 ล้านบาท โดยคิดเป็นการเติบโตของกำไรปกติปี 2558-2560 เฉลี่ย 30% ต่อปี
J เป็นผู้บริหารพื้นที่ให้เช่าในส่วนของสินค้ากลุ่มโทรศัพท์เคลื่อนที่รายใหญ่ในโครงการภายใต้ชื่อ “IT Junction" ซึ่งเป็นผู้ประกอบการรายเดียวที่บริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า Big C รูปแบบไฮเปอร์มาร์เก็ต (Hypermarket) ที่ปัจจุบันมีกว่า 120 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางในการบริหารจัดการพื้นที่เช่าในรูปแบบตลาดชุมชน (J Market) และศูนย์การค้าชุมชน (The Jas) บริษัทประกาศระดมทุนด้วยการทำ IPO จำนวน 120.39 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 32.5% ของทุนชำระแล้วหลังทำ IPO เพื่อขยายโครงการใหม่ทั้ง 3 รูปแบบ โดยมีเป้าหมายจำนวนสาขากว่า 100 สาขาภายในปี 2562 จาก 47 สาขา ณ สิ้น 1H58