โดยยอดขายรวมในไตรมาส 3/58 เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 10% จากงวดปีก่อนมาทำระดับสูงสุดใหม่ที่ 3.3 พันล้านบาท เป็นผลจากการเพิ่มปริมาณการผลิตด้วยกำลังการผลิตที่สูงขึ้นในโรงงานแห่งใหม่ และยังนับเป็นครั้งแรกที่อัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 32% เทียบกับ 30.8% ในไตรมาส 2/58 ซึ่งการปรับตัวที่ดีขึ้นโดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการประหยัดต่อขนาดที่มากขึ้น (economies of scale) จากการใช้กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในโรงงานใหม่ ซึ่งช่วยลดต้นทุนต่อหน่วยให้ต่ำลง รวมทั้งเป็นผลจากการควบคุมต้นทุนการผลิตที่มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น
ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานสามารถทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกันที่ 602 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับกำไรของไตรมาส 2/58 และเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน กำไรที่เพิ่มขึ้นเป็นผลจากการเติบโตของยอดขาย ต้นทุนขายที่ลดลง ขณะที่ส่วนหนึ่งถูกหักกลบด้วยค่าใช้จ่ายในการขายบริหารและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้น
สำหรับงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมีรายได้จากการขายรวม 9,230 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 1,561 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน ซึ่งผลประกอบการที่ดีนั้นเป็นผลมาจากการขยายกิจการในโรงงานแห่งใหม่และบางส่วนเป็นผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน
นายบัญชา กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิตในโรงงานใหม่ต่อเนื่องไปในระหว่างไตรมาส 4/58 เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นโดยผู้บริหารเชื่อว่าผลการดำเนินงานของปี 58 นี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นของการเติบโตรอบใหม่สำหรับธุรกิจของกลุ่มบริษัท