สำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปี 2558 บริษัทกำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติ จำนวน 1,652 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 301 ล้านบาท หรือ 22.3% จาก 1,351 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,377 ล้านบาท
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ความต้องการใช้ช่องสัญญาณในอุตสาหกรรมบรอดคาสต์และบรอดแบนด์ของโลกยังมีแนวโน้มการเติบโตที่สูงมาก โดยในช่วงที่ผ่านมา ไทยคมประสบความสำเร็จในการให้บริการช่องสัญญาณดาวเทียมในตลาดใหม่ เช่น ประเทศอินเดียที่เพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้อัตราการใช้งานช่องสัญญาณของไทยคม 7 ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง"
ในไตรมาสที่ผ่านมา ไทยคมได้รับคัดเลือกจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยให้เป็น “หุ้นยั่งยืน" สะท้อนให้เห็นถึงประสิทธิภาพของการบริหารงาน และคุณภาพในการกำกับดูแลกิจการของบริษัท และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นได้ว่าหุ้นไทยคมมีคุณภาพและคาดหวังผลตอบแทนที่ต่อเนื่องในระยะยาวได้
นอกจากนี้ สมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ได้ประเมินให้ไทยคม คงคะแนน CG อยู่ในระดับ “ดีเลิศ" ต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 3 (2556-2558) และยังจัดอันดับให้ไทยคมเป็นบริษัทจดทะเบียนไทยชั้นนำ 1 ใน 50 อันดับแรกของประเทศไทย ที่ได้รับคะแนน ASEAN CG Scorecard ที่โดดเด่นในระดับ 90 คะแนนขึ้นไป และครองความเป็นผู้นำในการพัฒนา CG ตามมาตรฐาน ASEAN อีกด้วย
“ไทยคมได้วางรากฐานการเติบโตอย่างมั่นคง โดยคำนึงถึงอุตสาหกรรมในองค์รวม ทั้งในด้านธุรกิจและการกำกับดูแล โดยไทยคมจะยังมุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจด้วยการบริหารจัดการการใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมให้เกิดประโยชน์ต่อทุกภาคส่วนมากที่สุด และจะพัฒนาบริการโซลูชั่นแบบครบวงจร นำเสนอบริการที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า รวมถึงการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเพิ่มเติมทั้งในและต่างประเทศ ควบคู่กับการยึดมั่นในด้านธรรมาภิบาล และกำกับดูแล ซึ่งเป็นแนวทางในการการเติบโตอย่างยั่งยืนของไทยคมต่อไป" นายไพบูลย์กล่าว
ในส่วนของกลุ่มบริษัทในเครือ บมจ.ซีเอส ล็อกซอินโฟ (CSL) ซึ่งให้บริการด้านอินเทอร์เน็ตและสื่อ ยังคงมีการเติบโตในส่วนของธุรกิจหลักในการให้บริการด้านไอซีที โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนบริการด้านศูนย์ข้อมูลอินเทอร์เน็ต (Internet Data Center: IDC) บริการด้านไอซีทีโซลูชั่นและคลาวด์คอมพิวติ้ง (ICT Solution & Cloud Computing) ด้าน บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ จำกัด ในประเทศลาวนั้น ยังมีผลประกอบการและฐานลูกค้าเติบโตขึ้นตามลำดับ โดยมีส่วนแบ่งในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่เป็นอันดับหนึ่ง คิดเป็น 51.02% ของตลาดรวม เพิ่มขึ้นจาก 49.52% ณ สิ้นไตรมาส 2/2558 และ 45.39% ณ สิ้นไตรมาส 3/2557 ตามลำดับ โดยไตรมาสนี้ถือเป็นไตรมาสแรกที่แอลทีซีมีส่วนแบ่งตลาดเกินกว่า 50% ทั้งนี้แอลทีซีมีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์ในระบบรวมทั้งสิ้นประมาณ 1,891,640 ราย เพิ่มขึ้นจาก 1,837,065 ราย ณ สิ้นไตรมาส 2/2558 และ 1,617,493 ราย ณ สิ้นไตรมาส 3/2557 ตามลำดับ