"บริษัทยังคงเดินหน้าเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ประเภทกำหนดอายุโครงการอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการลงทุน และมีกองทุนครบกำหนดอายุโครงการ"นางชวินดา กล่าว
นางชวินดา กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการแกว่งตัวในกรอบแคบๆ หลังคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ 1.50% ต่อปีตามที่ตลาดคาดการณ์ ในขณะที่ปัจจัยเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะพิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมยังไม่ส่งผลต่อตลาด
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิจำนวน 2,783 ล้านบาท โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 1 bps. มาอยู่ที่ 1.56% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 1 bps.มาอยู่ที่ 2.24% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 2 bps. มาอยู่ที่ 2.64% ต่อปี
ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกช่วงอายุตามแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงหลังประธานเฟด แถลงว่า เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกายังแข็งแกร่งและมีโอกาสที่จะพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนธันวาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนตุลาคมที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 271,000 ตำแหน่งมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2557
ในขณะที่อัตราว่างงานลดลงเหลือ 5.0% ต่ำสุดในรอบ 7 ปีครึ่ง ซึ่งทำให้ตลาดเพิ่มการคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 15 bps.มาอยู่ที่ 0.90% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 21 bps. มาอยู่ที่ 1.73% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวเพิ่มขึ้น 18 bps.มาอยู่ที่ 2.34% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาที่อาจส่งผลต่อการพิจารณาการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด ทิศทางเศรษฐกิจโลก และทิศทางการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินลงทุนระหว่างประเทศ