"ในปีนี้ และอีก 3 ปีข้างหน้าเราจะยังไม่มีการแตกไลน์ธุรกิจใหม่ ซึ่งเราจะยังมุ่งเน้นในธุรกิจเดิมก่อน ซึ่งเราจะเติบโตจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในทุกๆภาคของประเทศ และในช่วงไตรมาส 4/58 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นที่มีการปล่อยสินเชื่อค่อนข้างมากในทุกๆปีอยู่แล้ว เพราะมีเทศกาลและวันหยุดค่อนข้างมากทำให้มีความต้องการใช้เงินค่อนข้างมาก โดยปีนี้คาดว่าสัดส่วนสินเชื่อจะมาจากมอเตอร์ไซค์ 65% รถยนต์ 30% และที่เหลืออีก 5% มาจากนาโนไฟแนนซ์ และการปล่อยสินเชื่อที่ดิน"นายชูชาติ กล่าว
นายชูชาติ กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนปี 59 ไว้ราว 120 ล้านบาท เพื่อขยายสาขา 450 สาขา และปี 60 เตรียมเปิดเพิ่มอีก 400 สาขา รวมเป็น 1,750 สาขา จากปีนี้มีสาขากว่า 900 สาขา โดยตามเป้าหมายดังกล่าวนับว่าสูงกว่าแผนงานเดิมที่เตรียมเปิดสาขาเพิ่ม 1,000 สาขา ภายใน 3 ปี (58-60)
ส่วนผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 220.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.04 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 58.30% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิรวม 139.01 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิรวม 584.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187.56 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 47.20% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิรวม 397.35 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดปล่อยสินเชื่อที่ปรับตัวอย่างมีนัยสำคัญ ตามการขยายตัวเพิ่มขึ้นของสาขา ที่บริษัทเดินหน้าขยายสาขาไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เพื่อขยายฐานลูกค้า ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการสินเชื่อของลูกค้ารายย่อยในต่างจังหวัดที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินได้เป็นอย่างดี
“ยอดปล่อยสินเชื่อในช่วงไตรมาส 3/58 อยู่ที่ 5,577 ล้านบาท เติบโต 72.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นสูงถึง 18.52% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/58 ส่วนแนวโน้มในช่วงไตรมาส 4/58 คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องและยอดปล่อยจะสูงกว่าทุกไตรมาส เพราะเป็นช่วงฤดูการผลิตของเกษตรกร ทำให้มีความต้องการสินเชื่อเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังได้สินเชื่อที่ดิน และสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ เข้ามาเสริม โดยในส่วนของสินเชื่อที่ดินมียอดปล่อยกู้ เฉลี่ยสูงถึง 3.15 ล้านบาท/เดือน ขณะที่สินเชื่อนาโนไฟแนนซ์ มียอดปล่อยกู้เฉลี่ย18.50 ล้านบาท/เดือน"นายชูชาติกล่าว
นายชูชาติ กล่าวว่า จากยอดปล่อยกู้ในช่วง 9 เดือนแรกที่เติบโตกว่า 55.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และแนวโน้มในไตรมาส 4/58 ที่คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ปรับเป้าหมายพอร์ตสินเชื่อในสิ้นปีนี้คาดว่าจะแตะที่ระดับ 1.9 หมื่นล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าหมายไว้ที่ 1.65 หมื่นล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นกว่า 50%ปีต่อปี ส่วนแนวโน้มกำไรสุทธิคาดว่าจะเพิ่มขึ้นสอดคล้องกับยอดปล่อยสินเชื่อที่เติบโตอย่างโดดเด่นในปีนี้
ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของบริษัทอยู่ในระดับต่ำเพียง 1.01% และคาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ระดับใกล้เคียงปัจจุบัน เนื่องจากทีมงานบริหารที่มีประสบการณ์การปล่อยสินเชื่อรายย่อยมายาวนาน และมีกระบวนการติดตามหนี้ผ่าน MTL Model ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูลลูกหนี้และติดตามลูกหนี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เอ็นพีแอลของบริษัทอยู่ในระดับต่ำ หรือแทบไม่ขยับแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวลงก็ตาม
สำหรับพอร์ตสินเชื่อของบริษัทในปัจจุบัน แบ่งเป็นสินเชื่อรถจักรยานยนต์ 64% สินเชื่อรถยนต์ 32% ส่วนที่เหลือเป็นสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์และสินเชื่อที่ดินกว่า 4%