IVL คาดกำไร Q4/58 สูงกว่า Q3/58,ปี 59 ตั้งงบ 1.3 พันล้านเหรียญ-ลุยซื้อต่อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 12, 2015 16:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ PET และวัตถุดิบ บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (IVL) คาดว่ากำไรสุทธิสำหรับงบการเงินเฉพาะกิจการในไตรมาส 4/58 จะสูงกว่าไตรมาส 3/58 ที่มีกำไรสุทธิ 1.81 พันล้านบาท เนื่องจากคาดว่าจะมีผลขาดทุนจากสต็อกผลิตภัณฑ์ (Stock Loss) ไม่เกิน 400 ล้านบาท ลดลงจากระดับ 1.5 พันล้านบาทในไตรมาสก่อน เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ประกอบกับโรงงาน MEG ที่สหรัฐสามารถกลับมาเปิดดำเนินการการผลิตได้อีกครั้ง หลังจากที่ไตรมาส 3/58 หยุดดำเนินการผลิตเป็นระยะเวลา 20 วัน

ด้านส่วนต่าง(สเปรด) ราคาผลิตภัณฑ์ในปัจจุบันยังมีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ในกลุ่ม HVA ที่ปรับตัวดีขึ้น ส่วนผลิตภัณฑ์ PTA และ PET ยังอยู่ในระดับคงที่ แต่การที่อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินยูโรอ่อนค่า ส่งผลให้อัตรากำไรสุทธิปรับตัวดีขึ้นรวมไปถึงการเข้าซื้อกิจการ CEPSA Spain ทำให้มาร์จินของสินค้า HVA สูงขึ้น โดยจะเริ่มเห็นในไตรมาส 1/59 เป็นต้นไป ทั้งนี้ในปีนี้คาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกชนิดจะอยู่ที่ 94 เหรียญต่อตัน

ขณะที่บริษัทตั้งงบลงทุนช่วงปี 58-61 ที่ระดับ 3.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นงบลงทุนเพื่อการเติบโต 3.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการควบรวมหรือการเข้าซื้อกิจการ ตลอดจนการร่วมทุนด้วย และงบเพื่อการบำรุงรักษา 400 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแหล่งเงินทุนส่วนใหญ่จะมาจากกระแสเงินสด เงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินและการออกหุ้นกู้

โดยเป็นงบลงทุนรวมในปี 59 อยู่ที่ 1.3 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะใช้สำหรับการเข้าซื้อกิจการอีก 1-2 แห่ง และใช้เป็นเงินซื้อกิจการ CEPSA Spain ด้วย อีกทั้งใช้ในการเริ่มปรับปรุงโรงงาน Gas Cracker ที่สหรัฐฯ ซึ่งทำผลิตภัณฑ์เอทิลีน และโพรพิลีน โดยมีกำลังการผลิต 4 แสนตันต่อปี

นอกจากนี้บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการศึกษาเพื่อทำการเข้าซื้อจำนวน 3 โครงการ ได้แก่ โครงการ Swift ในบริเวณภูมิภาคตะวันตก โดยจะเป็นรูปแบบควบรวมกิจการคาดว่าจะได้ข้อสรุปในสิ้นปีนี้ ,โครงการ Alpha Pet2 เป็นโรงงานแห่งใหม่ในภูมิภาคตะวันตก ทำผลิตภัณฑ์ปลายน้ำโดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปปี 59 และโคงการ Union รูปแบบการควบรวมกิจการผลิตผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ คาดว่าจะได้ข้อสรุปปี 60

สำหรับราคามันดิบดูไบในปี 59 คาดว่าอยู่ที่ 55-60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 50 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลโดยปัจจัยที่จะหนุนให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ กำลังการผลิต shale gas และ shale oil ในสหรัฐ ที่มีแนวโน้มลดกำลังการผลิตลง ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบในตลาดลดลงตาม แต่มีปัจจัยที่ยังต้องจับตาคือการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนว่าซึ่งส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันในตลาดโลกและมีผลต่อราคาน้ำมันดิบในปีหน้า ขณะเดียวกันยังต้องติดตามกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน(OPEC) ว่าจะมีทิศทางการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดโลกอย่างไร


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ