นอกจากนี้ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญารับงานก่อสร้าง เพื่องานวางระบบภายในสถานีรถไฟฟ้า โดยมีมูลค่างานกว่า 2,000 ล้านบาท โดยคาดเซ็นสัญญาภายในปีนี้ รวมถึงบริษัทอยู่ระหว่างรอผลประมูลงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ มูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรู้ผลการประมูลในปลายปีนี้ ซึ่งบริษัทค่อนข้างมีความมั่นใจว่าจะได้รับงาน 70%
ส่วนงานอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ บริษัทเปิดไปแล้วจำนวน 2 โครงการ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,600 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น โครงการ แลนด์มาร์ค มหาชัย ซึ่งเป็นคอมมูนิตี้มอลล์มูลค่า 1,250 ล้านบาท บนที่ดิน 16 ไร่ แบ่งเป็นมอลล์ 3 ชั้น จำนวนร้านค้ากว่า 150 ร้าน โดยที่อาคารพาณิชย์และมอลล์ทั้งหมดถูกออกแบบให้เชื่อมต่อกันกลายเป็นถนนคนเดิน (Walking Street) ซึ่งสามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน และทำกิจกรรมต่าง ๆโดยปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 60% คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 60 และ โครงการที่ 2 คือ โครงการ ปาล์มมิโอ อมตะนคร ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม Low Rise ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ ใกล้กับทางออกของโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร ซึ่งเป็นอาคารชุดพักอาศัยจำนวน 3 อาคาร ความสูง 8 ชั้น มีห้องชุดพักอาศัยอาคารละ 77 ยูนิต รวมทั้งหมด 231 ยูนิต มูลค่าโครงการ 261 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 10% คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 59
สำหรับแผนในปีหน้า บริษัทจะเน้นรุกเข้าสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก โดยจะมาจากการเติบโตทั้งแบบปกติ รวมถึงการเติบโตโดยการเข้าซื้อโครงการอื่น และพัฒนาโครงการเอง สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้าเบื้องต้น บริษัทจะยังคงเน้นการพัฒนาโครงการเองเป็นหลัก ถือว่าเป็นจุดแข็งของบริษัทที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลดีในแง่ของต้นทุนในการดำเนินงานให้ลดลงน้อยกว่าผู้ประกอบการรายอื่น รวมถึงยังสามารถรู้จุดบกพร่องในการก่อสร้าง ส่งผลบวกต่อภาพของต้นทุนบริษัท
ทั้งนี้ ปีหน้าบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Low Rise ไม่ต่ำกว่า 2 โครงการ มูลค่า 2,000 ล้านบาท โดยมองการเปิดโครงการติดทำเลแนวรถไฟฟ้า โดยตั้งงบซื้อที่ดินไว้ 300-400 ล้านบาท จะเน้นโซนสุขุมวิท ทำให้คาดว่าในปีหน้าสัดส่วนรายได้จะมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 60% และธุรกิจก่อสร้าง 40% จากปัจจุบันที่มีรายได้จากธุรกิจก่อสร้าง 100%
อย่างไรก็ตาม ผู้ถือหุ้นได้ลงมติอนุมัติเพิ่มทุนในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2558 ที่ผ่านมา โดยผู้ถือหุ้นได้อนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 6,822 ล้านหุ้น โดยคาดว่าจะสามารถระดมทุนได้ราว 1,580 ล้านบาท โดยการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ และขีดความสามารถในการรับงานระบบก่อสร้าง รวมถึงการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้เพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัทยืนยันว่าจะดำเนินแผนธุรกิจหลังจากการเพิ่มทุนให้ได้มีประสิทธิภาพ และผลตอบแทนสูงสุดตามแผนที่ได้วางไว้ โดยจากการเพิ่มทุนครั้งนี้ จะแบ่งใช้สำหรับการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 60-65% ธุรกิจก่อสร้าง 35-40%