สำหรับในไตรมาส 3/58 บริษัทรับรู้รายได้ 806 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% และมีกำไรสุทธิจำนวน 113 ล้านบาท ลดลง 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
"ปัจจัยหลักของการเติบโตของยอดขายในไตรมาสนี้ เป็นผลจากยอดขายของสาขาใหม่ที่เปิดในช่วงที่ผ่านมา โดย ณ สิ้นไตรมาส 3 บริษัทมีช่องทางการขายทั้งสิ้น 857 สาขา ซึ่งรวมถึงในส่วนของต่างประเทศ ที่บริษัทได้ประเดิมเปิดร้านแรกที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา นอกจากนี้ อีกหนึ่งปัจจัยของการเติบโตมาจากกลุ่มเสื้อผ้าท่อนบน ภายใต้แบรนด์ McT ที่บริษัทได้มีการเปิดตัวเมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา"นางนฤมล กล่าว
นางนฤมล กล่าวว่า ในไตรมาสนี้ บริษัทสามารถคงอัตรากำไรขั้นต้นไว้ในระดับที่น่าพอใจ โดยจากการควบคุมต้นทุนการผลิต รวมถึงการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 59% อย่างไรก็ดี จากทีมบุคลากรที่เติบโตขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น จากการขยายจุดจำหน่าย เพื่อรองรับแผนการเติบโตในอนาคต ในขณะที่ยอดขายโดยรวมยังคงได้รับผลกระทบจากภาวะทางเศรษฐกิจ เป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้
ด้านนางสาวสุณี เสรีภาณุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ MC กล่าวว่า แม้ภาพรวมทางเศรษฐกิจยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว บริษัทยังคงดำเนินธุรกิจตามแผนการดำเนินงานที่ตั้งไว้ เตรียมความพร้อมที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ด้วยแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนสิงหาคม บริษัทได้ร่วมมือกับบริษัท เพชรเกษมโฮลดิ้ง จำกัด ซึ่งนับเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอ นำเสนอผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าท่อนบนที่จะตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในราคาที่ทุกคนพึงพอใจ ภายใต้แบรนด์ McT สอดคล้องกับกลยุทธ์ในการเพิ่มหลากหลายของสินค้าในร้าน ที่นอกจากจะเสริมความแข็งแกร่งในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์ท่อนล่างที่มีการเติบโตที่ดีและโอกาสทางธุรกิจอีกมาก จะช่วยดึงดูดให้ลูกค้าแวะเข้าร้านเราบ่อยขึ้น และส่งผลต่อการเพิ่มยอดขายต่อร้านในอนาคต
ในส่วนของการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น ทางทีมงานได้มีการวางระบบ ERP เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างกระบวนการทดสอบระบบโดยผู้ใช้งาน (UAT หรือ User Acceptance Testing) ก่อนที่จะเริ่มใช้งานจริงในเดือนมกราคมปี 2559