รวมถึงบริษัทยังได้เข้าร่วมยื่นเป็นผู้สนับสนุนในโครงการโซล่าฟาร์มสำหรับสหกรณ์การเกษตร และส่วนราชการที่เพิ่งปิดรับสมัครไป โดยบริษัทได้ยื่นประมูลไปกว่า 30 โครงการ และคาดหวังว่าจะได้รับส่วนแบ่งประมาณ 10% จากที่ภาครัฐเปิดรับซื้อทั้งหมด 600 เมกะวัตต์ ซึ่งจะส่งผลต่อรายได้และกำไรของ GUNKUL ให้เติบโตและมีเสถียรภาพยิ่งขึ้น
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 มีผลกำไรสุทธิจำนวน 331.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114.20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิเท่ากับ 544.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.49% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากยอดขายเติบโตเพิ่มขึ้นจากการที่บริษัทสามารถจัดจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ ให้กับกลุ่มลูกค้าโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ค้างท่อที่ทยอยได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) ตั้งแต่ไตรมาสสองที่ผ่านมา โดยมีกำหนดต้องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) ให้ทันสิ้นปีนี้
ขณะที่กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 3,711 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 58.59% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีก่อน โดยแบ่งเป็นรายได้จากการรับเหมาก่อสร้าง 375 ล้านบาท และรายได้จากการขายจำนวน 3,274 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากการจำหน่ายอุปกรณ์ให้กลุ่มลูกค้าในโครงการโซล่าฟาร์มค้างท่อและผู้รับเหมาในระบบสายส่งให้กับการไฟฟ้าฯ และมีรายได้จากการให้บริการบำรุงรักษาโรงไฟฟ้าฯจำนวน 51ล้านบาท และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทที่ควบคุมร่วมกันจำนวน 206 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทจะกำหนดลงนามสัญญาเงินกู้โครงการจำนวน 4,080 ล้านบาทกับธนาคารผู้สนับสนุนภายในเดือนนี้ สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 87 เมกะวัตต์ ในนามบริษัท รางเงิน โซลูชั่นจำกัด โดยบริษัทมีสัดส่วนการถือครองหุ้น 67% ซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าฯทั้งสิ้น 11 โรง โดยจะดำเนินการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ทั้งหมดภายในสิ้นปีนี้
ขณะที่บริษัทยังประสบความสำเร็จจากการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมแบบ RO (Right Offering) รวมกว่า 4,000 ล้านบาท ทำให้สินทรัพย์รวมของบริษัท ณ วันที่ 30 กันยายน 58 เพิ่มขึ้นเป็น 19,755 ล้านบาท โดยมีส่วนของผู้ถือหุ้นแสดงจำนวน 8,178 ล้านบาท และมีอัตราหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในอัตรา 1.40 เท่า ยังผลให้บริษัทมีความสามารถในการก่อหนี้และจัดหาเงินทุนเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการที่ได้รับ PPA เรียบร้อยแล้วให้สำเร็จได้ครบทุกโครงการตามเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน