สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในปีหน้าจะได้รับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะโครงการลงทุนโครงสร้างพื่นฐานที่จะเป็นตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปีหน้า และจะส่งผลดีต่อธุรกิจในกลุ่มรับเหมาก่อสร้างได้รับผลประโยชน์ด้วย อีกทั้งการที่ค่าเงินบาทมีทิศทางอ่อนค่าช่วยสนับสนุนภาคการท่องที่ยวให้ขยายตัวได้ดีขึ้นอีก
ทั้งนี้ นายสุภัค มองว่า สินเชื่อของธนาคารในปีหน้าจะมีการเติบโตทั้งใน 3 ส่วน คือ สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่จะกดดันเศรษฐกิจไทยในปีหน้า คือ ราคาสินค้าเกษรตรที่ยังตกต่ำจะมีผลกระทบต่อรายได้ครัวเรือนและกระทบไปถึงการจับจ่ายใช้สอยที่อาจจะเห็นการชะลอตัว และมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นแค่มาตรการชั่วคราวนั้น หลังจากสิ้นสุดมาตรการไปแล้วอาจกระทบทำให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวลงอีก
นายสุภัค กล่าวอีกว่า ในปีหน้าธนาคารตั้งเป้าปรับลดสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) มาอยู่ที่ไม่เกิน 3.5% จากสิ้นปีนี้ที่ 4% โดยยังเน้นวิธีการตัดจำหน่ายหนี้ และการปรับโครงสร้างลูกหนี้ รวมไปถึงการติดตามและดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ซึ่งจะส่งผลทำให้ NPL ในปีหน้าลดต่ำลงจากปีนี้ที่ NPL ของธนาคารถือว่าสูงกว่าระบบที่อยู่ในระดับ 3.5%
ส่วนสินเชื่อรวมในปี 58 นี้ธนาคารยังมั่นใจเติบโตได้ตามเป้าหมาย 10% หลังจากขยายตัวมาได้แล้วที่ 7% โดยในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้คาดว่าจะขยายตัวได้ดีขึ้นอีก โดยเฉพาะในส่วนของสินเชื่อเอสเอ็มอี และสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะที่สินเชื่อรายย่อยน่าจะยังคงทรงตัว