KTC เผย Q4/58 จัดแคมเปญใหม่กระตุ้นยอดการใช้จ่าย ช่วง 9 เดือนกำไรโต 16%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 16, 2015 11:42 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บัตรกรุงไทย (KTC) เปิดเผยว่า แผนการตลาดในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2558 บริษัทยังคงมุ่งเน้นใน 4 แกนหลักคือ 1) สร้างจุดแข็งในบริการและสร้างสรรค์กิจกรรมการตลาดในทุกหมวดร้านค้า เพื่อให้บัตรเครดิตเคทีซีเป็นบัตรหลักในการใช้จ่าย 2) การคืนกำไรให้สมาชิกบัตรเครดิตเคทีซีและบัตรสินเชื่อพร้อมใช้ “เคทีซี พราว" ผ่านคะแนนสะสม Forever Rewards ซึ่งสมาชิกสามารถใช้แลกสินค้าและบริการได้ ณ จุดแลกคะแนนกว่า 3,000 จุด หรือแลกผ่านออนไลน์ และบริการแบ่งชำระ Flexi นานสูงสุด 10 เดือน เพื่อแบ่งเบาภาระสมาชิก

3) การจัดแคมเปญการตลาดสินเชื่อพร้อมใช้ “เคทีซี พราว" เพื่อให้สมาชิกสามารถใช้วงเงินสินเชื่อและชำระคืน โดยใช้บริการแบ่งชำระ Flexi ยาวนานถึง 36 เดือน ในอัตราดอกเบี้ยพิเศษ รวมทั้งมีการพัฒนาใช้ระบบการอนุมัติสินเชื่อที่ไวและรับเงินได้ทันที ณ ศูนย์บริการลูกค้า “เคทีซี ทัช" 4) การพัฒนาช่องทางดิจิตอลต่อเนื่อง โดยเพิ่มฟังก์ชั่นบริการใหม่บนโมบาย แอพพลิเคชั่น “TapKTC" ให้สมาชิกสามารถเบิกถอนเงินสดออนไลน์เข้าบัญชีธนาคารได้ด้วยตนเองแบบเรียลไทม์ ตลอด 24 ชั่วโมง และยังมีแผนในการขยายธุรกิจร้านค้ารับบัตร เพื่อเพิ่มฐานรายได้ให้กับบริษัทฯ อีกด้วย

“เพื่อเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในช่วงสุดท้ายของปี บริษัทฯ ได้ออกแคมเปญใหญ่ด้วยมิติการตลาดใหม่ที่ผูกออฟไลน์กับออนไลน์เข้าด้วยกัน “โชคสุด fin pin เองได้ กับบัตร KTC" โดยจับมือพันธมิตรกว่า 60 ร้านค้าในหมวด กิน ช้อป เที่ยว มอบของรางวัลในฝันที่หลากหลายรวม 2,016 รางวัล มูลค่ากว่า 23 ล้านบาท นอกจากสมาชิกที่ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะได้รับคะแนนสะสมตามปกติแล้ว ยังจะได้รับ pin เพื่อใช้แลกสิทธิ์เลือกจิ้มของรางวัลที่ถูกใจได้เอง เพียงลงทะเบียนเข้าร่วมรายการผ่านเว็บไซต์เคทีซี หรือโมบายแอพพลิเคชั่น “TapKTC" ตั้งแต่วันนี้ – 31 มกราคม 2559"นายระเฑียร กล่าว

ส่วนภาพรวมของอุตสาหกรรมสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยังคงเติบโต แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะชะลอตัวและมีแนวโน้มขยายตัวต่ำกว่าประมาณการ ในส่วนของเคทีซีเองยังคงความสามารถในการสร้างรายได้และทำกำไร จากการเพิ่มขึ้นของปริมาณใช้จ่ายผ่านบัตรและการขยายตัวของยอดลูกหนี้ทั้งสองธุรกิจ คือ บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล อีกทั้งการควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) อยู่ในระดับที่เหมาะสม จากนโยบายการอนุมัติบัตรที่เข้มงวดและกระบวนการติดตามหนี้ที่มีประสิทธิภาพ

ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำกำไรเท่ากับ 1,538 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นผลจากรายได้รวม 9 เดือนเติบโตที่ 9% การบริหารต้นทุนด้านการเงินให้ต่ำลง และประสิทธิภาพในการติดตามหนี้ และการควบคุมให้หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้รวม (NPL) ลดลงต่อเนื่อง

สำหรับไตรมาสที่ 3/2558 มีกำไรสุทธิ 499 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาส 2/2558 แต่ลดลงจากไตรมาส 3/2557 ที่มีมูลค่า 504 ล้านบาท เนื่องจากรายได้เติบโตน้อยกว่าค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น จากค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับบริษัทภายนอก และการตัดหนี้สูญและตั้งหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้นตามการเติบโตของพอร์ต

ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 54,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 50,852 ล้านบาท โดยพอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเท่ากับ 50,982 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าที่ 47,005 ล้านบาท ฐานสมาชิกรวม 2.5 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็น บัตรเครดิต กว่า 1.80 ล้านบัตร ยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 34,743 ล้านบาท สินเชื่อบุคคล 735,269 บัญชี ยอดลูกหนี้สินเชื่อบุคคลสุทธิ 16,051 ล้านบาท ลูกหนี้ NPL ลดเหลือ 2.2% จากเดิม 2.7% บัตรเครดิตลดเหลือ 1.4% จาก 1.9% และ NPL สินเชื่อบุคคลเท่ากับ 1.0% จาก 1.2% และมีปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตที่ 11.9% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรมที่ 7.3%

นายระเฑียร กล่าวว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมในไตรมาส 3/2558 เท่ากับ 3,916 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ค่าใช้จ่ายการบริหารงาน 1,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% ส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้บริษัทภายนอกในการติดตามหนี้ รวมถึงหนี้สูญและหนี้สงสัยจะสูญที่เพิ่มขึ้น 14% แต่บริษัทสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายทางการเงินให้ลดลง 13% เป็นผลให้ค่าใช้จ่ายรวมของบริษัทเท่ากับ 3,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%

ไตรมาส 3/2558 บริษัทฯ มีวงเงินสินเชื่อคงเหลือ (Available Credit Line) 26,340 ล้านบาท เป็นวงเงินของธนาคารกรุงไทย 18,030 ล้านบาท และจากธนาคารพาณิชย์อื่นๆ 8,310 ล้านบาท โดยมีต้นทุนการเงินไตรมาส 3 อยู่ที่ 3.73% (ค่าเฉลี่ยต้นทุนเงิน 9 เดือนเท่ากับ 3.94%) ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯ สามารถออกหุ้นกู้ใหม่ชดเชยหุ้นกู้ที่ครบกำหนดอายุ ด้วยอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง โดยบริษัทฯ มีอัตราส่วนของหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 5.68 เท่า ซึ่งต่ำกว่าภาระผูกพันที่กำหนดไว้ที่ 10 เท่า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ