วัตถุประสงค์การระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อนำเงินนำไปชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงิน เพื่อลดอัตตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้น สร้างความน่าเชื่อถือในการดำเนินกิจการ อีกทั้งยังนำเงินมาใช้หมุนเวียนในการขยายธุรกิจเดิมของ CMO รวมทั้งจะนำไปลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับบริษัทในอนาคต
การเพิ่มทุนในครั้งนี้ สืบเนื่องมาจากการที่บริษัทได้เสนอใบสำคัญแสดงสิทธิ์ในการซื้อขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ (วอแรนท์) เมื่อ 3 ปีก่อน แต่ปรากฎว่าผู้ถือหุ้นมาใช้สิทธิไม่ครบตามจำนวน ทำให้เงินลงทุนไม่พอ มาใช้จ่ายในการลงทุนสร้าง Bangkok Creative Playground ทางคณะผู้บริหารมีเจตนาแก้ไขปัญหาฐานะทางการเงินของบริษัทฯ โดยตัดสินใจเพิ่มทุน RO ครั้งนี้ เพื่อนำเงินไปชำระหนี้สถาบันการเงิน เพื่อลดต้นทุนในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยที่สูงมากในแต่ละปี
"จะเห็นว่าถ้าบริษัทฯ ลดดอกเบี้ยได้ จะส่งผลให้ศักยภาพในการทำกำไรของบริษัทปรับตัวดีขึ้น ตลอดจนช่วยเพิ่มศักยภาพการขยายการลงทุนในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้บริษัทจะนำเรื่องการเพิ่มทุนดังกล่าวเสนอขออนุมัติต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ต่อไป"นายเสริมคุณ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทได้กำหนดวันที่ผู้ถือหุ้นไม่ได้รับสิทธิจองหุ้นออกใหม่(XR) วันที่ 12 ม.ค.59 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการจองซื้อและได้รับการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน (Record Date) เป็นวันที่ 14 ม.ค.59 รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 15 ม.ค.59 และกำหนดวันจองซื้อและรับชำระเงินค่าหุ้นสามัญเพิ่มทุนในวันที่ 25-29 ม.ค.59
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CMO กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจอีเว้นท์ของ CMO ในช่วงไตรมาสสุดท้ายนี้กลับมาคึกคัก เนื่องจากเป็นช่วงเทศกาล ทั้งภาครัฐ และภาคเอกชนต่างใช้งบในการจัดอีเว้นท์ เพื่อกระตุ้นยอดขายก่อนสิ้นปี โดยผลงานเด่นๆ อาทิ งานเปิดตัวรถยนต์ All New Mazda CX3 , งานจัดบูธของธนาคารกรุงเทพ ในงาน Money Expo,งานประกาศรางวัล B.A.D. Award ผลงานสร้างสรรค์ของวงการโฆษณา,งาน Homepro Expo, งาน Pokemon Together Roadshow ,นิทรรศการถาวรพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จ.อุบลราชธานี ภายใต้กองทัพภาคที่ 2 และงานเคาท์ดาวน์ที่ เมกะบางนา เป็นต้น
ส่วนแผนงานระยะใกล้นี้ บริษัทได้ลงทุนในกิจการ “ซีเอ็มโอ โชว์ คอร์ป"เพื่อสร้างโชว์“หิมพานต์ อวตาร"ซึ่งเป็นการแสดงวัฒนธรรมไทยร่วมสมัย ผสานเทคนิคแสงสีเสียง นับว่าเป็น Cultural Walking Theme Park แห่งแรกในประเทศไทย โดยจะตั้งอยู่ที่ Show DC เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แห่งใหม่ ย่านพระราม9 ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 3 ของปี 59 ตลอดจนมีเป้าหมายการขยายงานไปอาเซียนในปี 59 อีกด้วย
“จากแผนงานที่วางไว้ มั่นใจว่ารายได้ปี 58 จะเป็นไปตามเป้าที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 3 ของปี 58 บริษัทฯ มีรายได้ 213.13 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.82 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 57 ที่มีรายได้ 175.31 ล้านบาท ขณะที่มีผลขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 40.93 ล้านบาท ขาดทุนเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ที่มีผลขาดทุนสุทธิ 22.75 ล้านบาท ทั้งนี้ รายได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ถือเป็นอัตราการเติบโตที่เป็นไปตามสภาพตลาดของธุรกิจอีเว้นท์ รวมถึงเป็นช่วงที่มีการลงทุนในการเปิดสวนสนุกซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัทฯ“นายเสริมคุณ กล่าว