ทั้งนี้ บริษัทคาดสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 55-60% จากสิ้นปีนี้น่าจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 55% และในประเทศ 45% โดยบริษัทมีความสนใจที่จะขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มเติมอีก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาในเบื้องต้นกับบริษัทท้องถิ่นในอินโดนีเซีย จำนวน 1 ราย เนื่องจากบริษัทฯมองว่าอินโดนีเซียมีขนาดใหญ่สุดในอาเซียน หากสามารถรุกตลาดดังกล่าวได้น่าจะส่งผลดีต่อบริษัทค่อนข้างมาก
ปัจจุบัน NDR มีฐานลูกค้าราว 7-8 ประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย ลาว พม่า ฟิลิปปินส์ เคนยา อินเดีย และประเทศในตะวันออกกลาง เป็นต้น
นอกจากนั้น บริษัทฯวางงบลงทุนราว 20 ล้านบาทในปี 59 เพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรเป็นหลัก โดยปัจจุบันบริษัทฯมีกำลังการผลิต ผลิตและจำหน่ายยางนอก สำหรับรถจักรยานยนต์ ราว 3 แสนเส้น/เดือน และผลิตและจำหน่ายยางใน สำหรับรถจักรยานยนต์ 6 แสนเส้น/เดือน
นายชัยสิทธิ์ กล่าวว่า บริษัทฯคาดรายได้ในปี 58 น่าจะทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 796 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิน่าจะน้อยกว่าปีก่อนที่มีกำไร 45 ล้านบาท รับผลกระทบเศรษฐกิจในประเทศซบเซา โดยมองแนวโน้มไตรมาส 4/58 ก็น่าจะทำได้ใกล้เคียง เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/58 จากในไตรมาสสุดท้ายนี้จะมีเรื่องของค่าใช้จ่ายค่อนข้างมากในเรื่องของส่งเสริมการขายต่างๆ แต่ก็จะยังมีการรับรู้รายได้ของอินเดียเข้ามาต่อเนื่องประมาณ 15-20 ล้านบาท
"ปีนี้ที่กำไรลดลงส่วนหนึ่ง เป็นเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดี และมีการซื้อเครื่องจักรเข้ามา รวมถึงการก่อสร้างอาคาร แต่เรามองปีหน้าน่าจะดีขึ้น จากที่เราจะสามารถรับรู้รายได้จากอินเดียเข้ามาเต็มปี และการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ซึ่งน่าจะส่งผลต่อมาร์จิ้นเพิ่มสูงขึ้น"นายชัยสิทธิ์ กล่าว
ช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทฯ จะดำเนินการไปตามที่วางแผนไว้ โดยตลาดในประเทศ จะเน้นในการรักษาฐานลูกค้าและยอดขายให้คงที่ ส่วนตลาดต่างประเทศจะไปเน้นมากที่ตลาดอินเดียเพราะตลาดยังมีความต้องการสินค้าจากบริษัทอีกมาก ซึ่งมั่นใจว่าจะทำให้ผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3/58 มีรายได้รวม 201 ล้านบาท กำไรสุทธิ 11.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.9 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่มีกำไรสุทธิ 8.6 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้รายได้จากออเดอร์ลูกค้าในประเทศอินเดียเข้ามาเพิ่ม ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่บริษัทเข้าไปขยายฐานลูกค้า โดยเริ่มส่งขายสินค้าตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ล่าสุดในเดือน ต.ค.มีออเดอร์จากลูกค้าในอินเดียเพิ่มขึ้นมาเป็น 15,000 เส้น คิดเป็นรายได้ประมาณ 4-5 ล้านบาท และจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง