สำหรับรายได้จากการขายในไตรมาส 3/58 มียอดขายสุทธิ 3,181.06 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 1.49 จากที่ราคาเหล็กลดลง ในขณะที่มีปริมาณการขาย 195,700 ตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.74 จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทสามารถผลักดันยอดขายผลิตภัณฑ์กลุ่มเหล็กทรงยาวได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากโครงการภาครัฐและเอกชน
ในส่วนของต้นทุนขายและการให้บริการ ในไตรมาส 3/58 มีจำนวน 2,952.91 ล้านบาท ลดลง 104.36 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 3.41 ส่วน สำหรับงวด 9 เดือนปี 58 ลดลง 0.67 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 0.01 เป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบที่ลดลงตามตลาด
บริษัทมีต้นทุนทางการเงิน สำหรับงวด 3 เดือน จำนวน 142.44 ล้านบาท ลดลง 32.52 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 18.52 สำหรับงวด 9 เดือน อยู่ที่ 480.12 ล้านบาท ลดลง 43.46 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 8.30 เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินการชำระหนี้สินของสถาบันการเงินตามสัญญา จึงทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปี 58 บริษัทมีรายได้รวม จำนวน 10,136.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,388.89 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีที่แล้ว ที่มีรายได้รวม 8,747.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.88 ขณะที่กำไรสุทธิ งวด 9 เดือนแรกนี้ มีจำนวน 885.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 255.7 ล้านบาท
ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2558 บริษัทมีสินทรัพย์รวม จำนวน 18,686 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,200 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13 จากปี 2557 มาจากการเพิ่มขึ้นของที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ จากการได้มาซึ่งทรัพย์ของบริษัท ซันเทค เมทัลส์ จำกัด และบริษัท เวิลด์ ไวร์ โปรเวสซิ่ง จำกัด ขณะที่ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้น 903 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 20 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทมีกำไรสุทธิสำหรับงวด 9 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2558 ราว 885 ล้านบาท ทำให้เปลี่ยนจากขาดทุนสะสมเป็นกำไรสะสม 125 ล้านบาท อีกทั้งยังทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุนลดลงจาก 2.66 เหลือ 2.46