เนื่องจากขณะนี้จำนวนลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูง (High-Net-Worth-Individuals หรือ HNWIs) ทั่วโลก และในประเทศไทยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 10–12% โดย World Wealth Report 2015 ที่สำรวจโดย Capgemini รายงานว่าในปี 57 ประเทศไทยมีการเติบโตของจำนวนลูกค้าบุคคลสินทรัพย์สูงถึง 13% สูงกว่าการเติบโตของลูกค้ากลุ่มเดียวกันในเอเชียแปซิฟิกที่เติบโต 9% และทั่วโลกที่เติบโตเฉลี่ย 7%
ขณะที่การเติบโตของจำนวนสินทรัพย์ของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวในประเทศไทยเติบโตถึง 15% สูงกว่าการเติบโตในเอเชียแปซิฟิกที่โต 11% และทั่วโลกที่ 7% จึงเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีศักยภาพสูงที่ธนาคารฯ จะสามารถขยายตลาดได้ต่อเนื่องในระยะยาว
ทั้งนี้ ณ สิ้น ก.ย.58 สายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ ธนาคารกสิกรไทย มีลูกค้าที่มีทรัพย์สินตั้งแต่ 50 ล้านบาทขึ้นไปประมาณ 9,200 ราย และมีสินทรัพย์ภายใต้การดูแล 750,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 57 ที่มีลูกค้าประมาณ 8,500 คน มีสินทรัพย์ภายใต้การดูแล 727,000 ล้านบาท โดย KBANK ครองส่วนแบ่งตลาดถึง 41% และช่วงปลายปี 57 ธนาคารได้จับมือกับธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ พันธมิตรผู้ให้บริการไพรเวทแบงค์ระดับโลกในการยกระดับมาตรฐานบริการของธนาคารกสิกรไทยให้เทียบเท่าระดับสากลทั้งในเชิงองค์ความรู้ การวิจัย การบริหารความเสี่ยง การลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับลูกค้าจากทางเลือกการลงทุนรูปแบบใหม่ๆ
นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ รองกรรมการผู้จัดการ ผู้บริหารสายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ KBANK กล่าวว่า ในปี 58 ธนาคารฯ เน้นให้คำแนะนำ และความรู้แก่ลูกค้าในการจัดพอร์ตการลงทุน และบริหารจัดการความมั่งคั่งธุรกิจครอบครัวทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดหัวเมืองใหญ่ โดยเน้นเสนอทางสายกลางการลงทุนที่สามารถสร้างผลตอบแทนได้ 6-10% ผ่านการจัดสรรการลงทุนแบบ K-Alpha หรือการลงทุนโดยอาศัย “หลักการกระจายความเสี่ยง" ที่มีการลงทุนในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ในจังหวะที่เหมาะสม K-Alpha สามารถสร้างผลงานย้อนหลังที่สามารถพิสูจน์ได้ตลอด 6 ปี ด้วยผลตอบแทนถึง 65.63% หรือเฉลี่ย 7.9% ต่อปี
สำหรับกลยุทธ์ในปี 59 สายงานธุรกิจบริการไพรเวทแบงค์ KBANK จะดำเนินงานบนหลัก 3Q 1C โดยการผสานความแข็งแกร่งและความรู้ภายในประเทศจาก KBANK และความเชี่ยวชาญภายนอกประเทศผ่านทางธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ เพื่อให้คำปรึกษาที่ครอบคลุมและได้มาตรฐานสากล (Quality of Advice) ทั้งยังเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงหลักทรัพย์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ (Quality of Product) เพื่อคุณภาพบริการมาตรฐานโลกผ่านไพรเวทแบงค์เกอร์มืออาชีพ (Quality of Service) และบริการที่มากกว่าการลงทุนส่วนบุคคล (Concierge) ด้วยบริการ Integrated Wealth Planning Services ซึ่งเป็นบริการรักษาความมั่งคั่งอย่างยั่งยืนจากรุ่นสู่รุ่น
"ปีหน้าเราจะยังคงเน้นการจัดพอร์ตการลงทุนด้วยกลยุทธ์ทางสายกลางต่อเนื่อง โดยพิจารณาระดับความเสี่ยง และผลตอบแทนที่ลูกค้าได้รับเป็นสำคัญ และเน้นกองทุน K-SGM (K Strategic Global Multi-Asset Fund) ซึ่งเป็นการนำความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบริหารความเสี่ยงของธนาคารลอมบาร์ด โอเดียร์ มาใช้ในการบริหารจัดการลงทุน อีกทั้งเราจะให้ความสำคัญกับการแนะนำลูกค้าวางแผนความมั่งคั่งของครอบครัวอย่างยั่งยืนด้วยบริการ Integrated Wealth Planning Services โดยมีทีมงานที่ตั้งขึ้นมาเฉพาะเพื่อให้บริการลูกค้าได้มากกว่าการให้คำแนะนำในการลงทุนเท่านั้น"นายจิรวัฒน์ กล่าว