จากข้อมูลตัวเลขการบริโภคชาพร้อมดื่มล่าสุดพบว่า ตั้งแต่มกราคม–ตุลาคม ที่ผ่านมา มีปริมาณการบริโภค (Volume)400.30 ล้านลิตร คิดเป็นการขยายตัวขึ้น 1.2% ในขณะที่การบริโภคมีมูลค่า (Value) 13,231 ล้านบาท ลดลง 2.6% จากช่วงเดียวกันในปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นสภาพการก่อตัวของสงครามราคาในตลาดที่กำลังเป็นอยู่
เพื่อให้การแข่งขันมีการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนอิชิตันกรุ๊ป ในฐานะผู้นำตลาดชาพร้อมดื่มจึงวางกลยุทธ์ใหม่ในการปรับขนาดสินค้าให้มีความหลากหลายทั้งปริมาณ และราคามากขึ้น เข้าถึงความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขึ้น ทั้งในกลุ่มอิชิตัน กรีนที และเย็นเย็น น้ำสมุนไพรพร้อมดื่ม รวม 7 ขนาด ได้แก่
สินค้าที่เน้นเจาะกลุ่มช่องทางจัดจำหน่ายร้านค้าปลีกดั้งเดิม (Traditional trade) ขนาด 290 มล. ราคา 10 บาท ได้แก่ อิชิตัน กรีนที (น้ำผึ้งผสมมะนาว, รสข้าวญี่ปุ่น) อิชิตัน ดราก้อน แบล็คที (มัลเบอร์รี่) ขนาด 315 มล. ราคา 10 บาท ได้แก่ เย็นเย็นน้ำสมุนไพรพร้อมดื่ม (จับเลี้ยง, เก๊กฮวย) สินค้าที่เน้นเจาะกลุ่มช่องทางร้านสะดวกซื้อ ขนาด 400 มล. ราคา 16 บาท ได้แก่ เย็นเย็น ทั้งจับเลี้ยง และเก๊กฮวย (ขนาดปกติ) ขนาด 420 มล. ราคา 16 บาท ได้แก่ อิชิตัน กรีนที ทุกรสชาติ (ขนาดปกติ)
สินค้าที่เจาะกลุ่มช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งซุปเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต ขนาด 600 มล. ราคา 20 บาท ได้แก่ อิชิตัน กรีนที (น้ำผึ้งผสมมะนาว,ข้าวญี่ปุ่น) ขนาด 800 มล.ราคา 27 บาท ได้แก่ เย็นเย็น ยักษ์(จับเลี้ยง, เก๊กฮวย) ขนาด 840 มล. ราคา 25 บาทได้แก่ อิชิตัน กรีนที บิ๊กเซฟ(น้ำผึ้งผสมมะนาว,ข้าวญี่ปุ่น,ลิ้นจี่)
"การเข้าไปต่อสู้กับสงครามราคาไม่เป็นผลดีต่อธุรกิจ และจะไม่เกิดการพัฒนาให้เกิดคุณภาพต่อผลิตภัณฑ์ แต่การปรับกลยุทธ์นำเสนอความหลากหลายของสินค้าให้ตรงความต้องการของลูกค้าแต่ละประเภท และการพัฒนากลุ่มสินค้าใหม่ รวมถึงการสร้างตลาดใหม่ๆ จะเป็นการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนได้มากกว่า เพราะเมื่อความร่วมมือ สนธิสัญญาเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) เริ่มต้นขึ้นในปลายปีนี้ บริษัทต้องเตรียมความแข็งแกร่งเพื่อสร้างฐานที่มั่นอย่างสมบูรณ์รองรับผู้เล่นรายใหม่ๆ จากต่างประเทศที่กำลังเตรียมเข้ามาบุกตลาดประเทศไทย"นายตันกล่าว