ส่วนผลประกอบการในปีนี้บริษัทมั่นใจว่ารายได้จะเติบโตตามเป้าหมายที่ 15% และมีกำไรสูงกว่าปีก่อนในทิศทางเดียวกับรายได้ โดยขณะนี้บริษัทมีงานในมือ(backlog)ราว 5.2 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ราว 1.7 พันล้านบาทในไตรมาส 4/58 ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯในปีถัดไป
นายยู ยูน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินและบัญชี BJCHI เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาเพื่อเข้าไปประมูลงานในอุตสาหกรรมเหมืองแร่ เหล็ก และน้ำมัน คาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาส 4/59 ซึ่งหากสามารถเข้าไปรับงานดังกล่าวได้จำนวน 1 ใน 3 ของโครงการทั้งหมด น่าจะส่งผลต่อรายได้ให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต
ขณะเดียวกันการเจรจากับพันธมิตรอุตสาหกรรมพลังงานเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ คาดว่าจะได้ข้อสรุป 4-5 เดือนจากนี้ โดยปัจจุบันบริษัทถือว่ามีความพร้อมด้านเงินลงทุนอย่างมาก มีหนี้สินต่อทุน (D/E) ประมาณ 0.2 เท่า
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ยกเลิกแผนร่วมทุนโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนที่ได้มีการเจรจาถึงความร่วมมือ ซึ่ง BJCHI คาดหวังจะมีสัดส่วนการถือหุ้นราว 5-10% แต่การเจรจาดังกล่าวไม่ได้ข้อสรุปร่วมกัน นอกจากนั้นยังยกเลิกแผนการเข้าซื้อกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ จากเดิมมีความสนใจเข้าซื้อกิจการในไทย เวียดนาม เกาหลี และออสเตรเลีย เป็นต้น หลังจากเห็นว่าธุรกิจดังกล่าวไม่ได้ตอบโจทย์หรือเอื้อประโยชน์ต่อธุรกิจของบริษัท
นายยู ยูน กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 59 จะเติบโตต่อเนื่องราว 15% จากการทยอยรับรู้ Backlog อีกประมาณ 3.5 พันล้านบาท ขณะที่จะรับรู้รายได้จากงานโครงการที่มี High Potential ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการประมูล คาดหวังจะได้รับงานมูลค่า 6.5 พันล้านบาท จากมูลค่ารวมที่เข้าประมูลราว 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ผลตั้งแต่ไตรมาส 1/59 เป็นต้นไป
สำหรับผลประกอบการในปี 58 บริษัทมั่นใจรายได้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 15% จากปีก่อนอยู่ที่ 4,581.33 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโตดีกว่าปีก่อน ที่อยู่ที่ 1,003.67 ล้านบาท จากปัจจุบันมี backlog ราว 5.2 พันล้านบาท คาดจะรับรู้ฯในไตรมาส 4/58 ราว 1.7 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 59
ทั้งนี้ งวด 9 เดือนแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้รวม 3,663.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,132.3 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 764.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 657.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการรับรู้งานในมือของโครงการ TUPI B.V. ที่รับจากประเทศบราซิล อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน