ส่วนการส่งออกถ่านหินไปยังต่างประเทศ มองว่า ยังคงมียอดส่งออกต่อเนื่อง เพียงแต่ยอดดีมานด์ของต่างประเทศมีสัดส่วนลดลง เนื่องจากปัจจัยกดดันจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัว ส่งผลให้การนำเข้าถ่านหินของประเทศจีนในปีนี้มีการปรับตัวลดลง
สำหรับผลประกอบการงวดไตรมาส 3/58 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.58 บริษัทมีรายได้ 1,216.39 ล้านบาท ลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่กำไรสุทธิอยู่ที่ 72.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 0.32 ล้านบาท
สาเหตุที่ผลการดำเนินงานดีขึ้น เนื่องจากบริษัทเน้นเรื่องการลดต้นทุน ทั้งจากคลังสินค้าและการขนส่ง และมีการขายถ่านหินในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเน้นการขายถ่านหินคุณภาพสูง และขยายฐานตลาดลูกค้าในประเทศ อย่างไรก็ตามยอดขายรวมมีการปรับลดลงเนื่องจาก ได้รับผลกระทบจากสภาวะเศรษกิจในประเทศจีน ซึ่งเป็นผู้บริโภคถ่านหินรายใหญ่ของโลก ทำให้ยอดขายไปต่างประเทศมีการปรับตัวลดลง ซึ่งในช่วง 9 เดือนแรก มีปริมาณการขายถ่านหิน รวมที่ 1.7 ล้านตัน
ขณะที่งวด 9 เดือนแรกของปี 58 ของบริษัทมีรายได้รวม 3,557.78 ล้านบาท ลดลง 31.6 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งบริษัทมีรายได้รวม อยู่ที่ 5,198.23 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 107.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 194.8% ที่มีกำไรสุทธิ 36.45 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทควบคุมต้นทุนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ และมีปริมาณการจำหน่ายถ่านหินอยู่ที่ระดับ 1.7 ล้านตัน
"ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ จากกลยุทธ์ในการลดต้นทุนในทุกส่วน การขยายตลาดในประเทศ และการพัฒนาระบบควบคุม คุณภาพสินค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะมีการฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดการณ์ แต่ถ่านหิน ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงที่มีปริมาณมาก มีค่าพลังงานคงที่ และมีราคาถูกเมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่น ทำให้ถ่านหินยังคงเป็นเชื้อเพลิงที่มีความสำคัญสำหรับอุตสาหกรรมในประเทศ และต่างประเทศ"นายพนม กล่าว