อย่างไรก็ตาม ในปีหน้ายังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์ราคาพืชผลทางการเกษตรที่ตกต่ำ ส่งผลให้กำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทลดลง ประกอบกับปัญหาภัยแล้งหากต่อเนื่องมาถึงปีหน้าจะส่งผลกระทบต่อรายได้ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเช่นกัน และอาจจะส่งผลกระบต่อบริษัทด้วยส่วนหนึ่ง
สำหรับการขยายสาขาในปี 59 บริษัทวางแผนขยายสาขาในประเทศเพิ่มอีก 3-4 สาขา เงินลงทุนสาขาละ 2-3 ล้านบาท และสาขาในต่างประเทศที่กัมพูชาเพิ่มอีก 2 สาขา จากปัจจุบันมี 1 สาขา โดยใช้เงินลงทุนสาขาละ 3-4 ล้านบาท ส่วนการขยายสาขาไม่ลาวเพิ่มนั้นยังไม่มีแผนการขยายจากปัจจุบันมีสาขาเพียง 1 สาขา
ทั้งนี้ สิ้นปี 59 บริษัทจะมีสาขาทั้งในและต่างประเทศรวม 98 สาขา จากสิ้นปีนี้ที่มี 92 สาขา
“เรามีแผนเพิ่มจำนวนสาขาให้ครอบคลุมต่างประเทศ โดยเฉพาะใน AEC ซึ่งใน 5 ข้างหน้า และก็คาดว่าจะมีพอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันมีอยู่ 1% เท่านั้น"นายประพล กล่าว
นายประพล กล่าวถึงสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 59 บริษัทจะพยายามรักษาให้อยู่ในระดับ 4% ลดลงจากสิ้นปีนี้ที่ 5%จากการติดตามและควบคุมลูกนี้อย่างใกล้ชิด เน้นการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ที่มีคุณภาพ และการตั้งสำรองในปีหน้าต้องดูคุณภาพของหนี้ หากลูกค้ามีการชำระหนี้ที่ดีบริษัทก็อาจจะตั้งสำรองลดลงจากปัจจุบันที่มีการตั้งสำรองเฉลี่ยที่ 500 ล้านบาทต่อไตรมาส
ด้านธุรกิจนาโนไฟแนนซ์ที่ดำเนินการภายใต้ บริษัท ทีเค เงินสดทันใจ จำกัด คาดว่าจะสามารถเริ่มปล่อยสินเชื่อได้ในเดือน ม.ค.59 โดยเลื่อนกำหนดจากเดิมที่คาดว่าปล่อยได้ในไตรมาส 4/58 เนื่องจากการจัดทำระบบซอฟท์แวร์มีความล่าช้า แต่จะเสร็จได้ทันในภายในสิ้นปีนี้ และเบื้องบริษัทจะปล่อยสินเชื่อในวงเงิน 50 ล้านบาทตามทุนจดทะเบียน โดยจะเน้นการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าเดิมก่อนผ่าน 10 สาขาของบริษัท
สำหรับปีนี้บริษัทมั่นใจกำไรสุทธิจะมากกว่าปีก่อนที่ 195.62 ล้านบาท โดย 9 เดือนทำได้แล้ว 279.44 ล้านบาท มากกว่าปีก่อนทั้งปี มาจากการตั้งสำรองที่ลดลง หลังจากเร่งตัดหนี้สูญและควบคุมคุณภาพหนี้มากขึ้น แม้ว่าสินเชื่อในปีนี้จะติดลบต่อเนื่องมาเป็นปีที่สอง จากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ชะลออย่างต่อเนื่อง กระทบทุกภาคส่วน
ด้านแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาส 4/58 คาดว่าจะดีขึ้นจากไตรมาส 3/58 ที่ติดลบ 6% ส่งทำให้ทั้งปี 58 สินเชื่อจะติดลบน้อยกว่า 6% เนื่องจากไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งจะมีการซื้อรถจักรยานยนต์ใหม่มากขึ้น ขณะที่การตั้งสำรองในไตรมาส 4/58 คาดว่าจะใกล้เคียงกับไตรมาส 3/58 ที่ 512 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิคาดว่าจะมากกว่าไตรมาส 3/58 หลังจากไม่มีการตัดขาดทุนค่าความนิยม (Goodwills) ที่มีการตัดขาดทุนไปแล้วกว่า 80 ล้านบาท