(เพิ่มเติม) "เถ้าแก่น้อย"คาดเคาะราคา IPO 23 พ.ย.เสนอขาย 25-27 พ.ย.เข้าเทรด 3 ธ.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 17, 2015 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง(TKN )คาดว่าจะกำหนดราคาเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก(IPO)จำนวน 360 ล้านหุ้นในวันที่ 23 พ.ย.และเปิดให้จองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 25-27 พ.ย.โดยมี บล.เอเซีย พลัส เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย ซึ่งคาดว่าจะนำหุ้นเขาทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET)ได้ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ทั้งนี้บริษัทจะนำเงินทุนไปใช้สร้างโรงงานแห่งใหม่ ขยายกำลังการผลิตในโรงงานเดิม และเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บล.เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า TKN มีทุนจดทะเบียนจำนวน 1,380 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็น 345 ล้านบาท มีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 360 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 26.09% ของทุนชำระแล้วหลังการทำ IPO

ด้านนายนายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TKN เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ปี 58 ปีนี้จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 35% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2,695 ล้านบาท หลังจาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้แล้ว 2,519 ล้านบาท เติบโตแล้ว 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ประกอบกับในช่วงไตรมาส 4/58 คาดว่าจะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นช่วงที่มีวันหยุดมาก และเป็นช่วงไฮซีซั่น

ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิ ณ สิ้นปีจะเพิ่มขึ้นไปเป็นตัวเลข 2 หลัก จาก 3 ไตรมาสที่ผ่านมาบริษัทฯมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 9.7% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อที่ระดับ 5.7% เป็นผลมากจากการที่บริษัทขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่องทั้งในอาเซียนและยุโรป คาดว่าทั้งปีจะมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 55% จากปัจจุบันอยู่ที่ 51% เนื่องจากการส่งออกมีอัตรากำไรสูงกว่าในประเทศ 5-10%

นายอิทธิพัทธ์ กล่าวถึงแผนการดำเนินงานในระยะยาวว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ในระยะ 3-4 ปีขึ้นไปแตะระดับ 5,000 ล้านบาท และในอีก 10 ปีรายได้จะขึ้นไปแตะ 10,000 ล้านบาท โดยจะขยายตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมูลค่าตลาดสาหร่ายในประเทศอยู่ที่ 2,500 ล้านบาท และยังมีแนวโน้มเติบโตได้อีกมาก ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาตลาดมีการเติบโตเฉลี่ย 25-30% ขณะเดียวกันบริษัทก็ยังมีแผนการขยายตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหากประเทศใดมียอดขายสูงบริษัทฯก็อาจจะเข้าไปตั้งโรงงานผลิตด้วย

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ บริษัทฯจะนำไปใช้ในการขยายกำลังการผลิต โดยการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตในโรงงานเดิม และก่อสร้างโรงงานใหม่ มูลค่า 578 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ในช่วงไตรมาส 4/59 และผลิตได้เต็มปีในปี 60 จะช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 3,600 ตัน/ปี จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ 4,000 ตัน/ปี จะรองรับการเติบโตได้ถึงปี 62


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ