ปัจจุบัน UREKA มีมูลค่างานในมือ (Backlog) ประมาณ 160 ล้านบาท แบ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์มูลค่า 150 ล้านบาท ซึ่งคาดรับรู้รายได้ปีนี้ 80% และกลุ่มการเกษตร มูลค่าประมาณ 10 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ปีนี้ทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีงานใหม่ที่อยู่ระหว่างการประมูลมูลค่า 120 ล้านบาท คาดจะทราบผลประมูลในปีนี้ โดยคาดว่าจะได้รับงานใหม่ประมาณ 50% ของมูลค่างานทั้งหมดที่ยื่นไป
สำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เตรียมออกสู่ตลาดอีก 3 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ เครื่องเก็บมันสำปะหลัง, เครื่องปลูกสับปะรดและเครื่องคว้านเม็ดลำไยนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนา ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาเสร็จในปีนี้และจะพร้อมจำหน่ายในต้นปีหน้า โดยคาดว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเกษตรปีนี้จะอยู่ที่ 10% ของรายได้รวม และปีหน้าคาดว่าจะเพิ่มเป็น 20% ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวไปแล้ว 4 ผลิตภัณฑ์ คือ เครื่องฆ่ามอดข้าวและไข่ข้าว ,เครื่องปลูกมันสำปะหลัง ,เครื่องสีข้าวชุมชน และเครื่องรีดยางพารา
ส่วนความคืบหน้าการขยายไลน์ธุรกิจสู่กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก ปัจจุบันบริษัทได้รับคำสั่งซื้อมาแล้ว 50 เครื่อง มูลค่าประมาณ 60 ล้านบาท โดยคาดจะทยอยส่งมอบสินค้าใน 2 ปี
นายนรากร กล่าวถึงแนวโน้มผลประกอบการในปี 59 คาดว่าจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ เนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วในปีนี้ และจะเริ่มกลับมาฟื้นตัวอย่างช้าๆ ขณะที่บริษัทจะมุ่งเน้นกลุ่มสินค้ายานยนต์ที่มีมาร์จิ้นสูง ประกอบกับ ผลิตสินค้าด้านกลุ่มการเกษตรมากขึ้น ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดี นอกจากนี้ ยังมีการเพิ่มเครื่องจักรที่มีมาตรฐานมากขึ้น
“หลังจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ซบเซา เราได้กระจายความเสี่ยงไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยได้ขยายไลน์เข้าไปในกลุ่มเครื่องจักรกลการเกษตร ล่าสุดได้ขยายไลน์เข้าไปในกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก ซึ่งจากการปรับแผนธุรกิจและขยายไลน์ไปยังกลุ่มต่างๆ ทำให้คาดการณ์ว่าผลประกอบการในปีหน้าจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้อย่างแน่นอน"นายนรากร กล่าว