ขณะที่ตั้งเป้าหมายรายได้ปี 59 ที่ระดับ 2.8 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่คาดทำได้ต่ำกว่าเป้าหมายมาที่ราว 2.2 พันล้านบาท
"เรายังมีงานในมือที่จะส่งมอบในปี 59 แล้วกว่า 1,250 ล้านบาท และเมื่อรวมกับงานที่อยู่ระหว่างการประมูล คาดว่าปีหน้าบริษัทจะมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20%"นายสัมพันธ์ กล่าว
นายสัมพันธ์ กล่าวว่า ปีนี้บริษัทจะมีผลขาดทุนสุทธิเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อวันที่ 10 พ.ค. 49 หลังจากได้รับผลกระทบจากธุรกิจใหม่ในการรับงานสายพานเหล็กลำเลียงถ่านหินเข้าสู่โรงไฟฟ้า (Belt conveyor system) ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นในการเข้าสู่ธุรกิจดังกล่าว ทำให้การจัดการต่างๆยังไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
ขณะที่คาดว่ารายได้ในปีนี้จะทำได้ประมาณ 2.2 พันล้านบาท ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ระดับ 2.3 พันล้านบาท เนื่องกลุ่มธุรกิจหม้อแปลงได้รับผลกระทบจากการเลื่อนโครงการลงทุนของภาครัฐ และภาคเอกชนก็มีการชะลอการลงทุนออกไปทำให้งานใหม่ลดลง สำหรับรายได้ที่จะเข้ามาในปีนี้ แบ่งเป็นงานทั้งในส่วนของภาครัฐ 212 ล้านบาท และเอกชนในประเทศ 693 ล้านบาท รวมถึงส่งออกไปยังต่างประเทศอีกกว่า 731 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีรายได้จากการบริการอีกกว่า 40 ล้านบาท และรายได้จากบริษัทในเครืออีกกว่า 516 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) จะยังคงรักษาระดับให้ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่า 20-25% ควบคู่กับการรักษาสัดส่วนตลาดให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และมาตรการในด้านอื่นๆ เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ ตามแผนธุรกิจของบริษัท
"ปีนี้เราขาดทุนเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าจดทะเบียนเข้าตลาดฯมา แต่ปีหน้าเราจะไม่ขาดทุนแล้ว ซึ่งก็เป็นผลจากการที่เรามีประสบการณ์ในการรับงานในส่วนของธุรกิจใหม่มากขึ้น และธุรกิจหลักของเราก็จะมีการขยายตัวค่อนข้างมากด้วย จากการลงทุนของภาครัฐ เอกชน รวมไปถึงการส่งออกไปยังต่างประเทศเราคาดว่าจะเติบโตได้ดี ซึ่งเราคาดว่าสัดส่วนรายได้จะมากจาก ต่างประเทศ 40% ภาครัฐ 30% และเอกชน 30% จากปีนี้คาดว่ารายได้จะมาจากต่างประเทศ 30% ภาครัฐ 30% และเอกชน 40%"นายสัมพันธ์ กล่าว
อนึ่ง ในช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ TRT มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 103.03 ล้านบาท
นายสัมพันธ์ กล่าวว่า สำหรับงานที่เข้าประมูลในช่วงนี้มีมูลค่า 9.6 พันล้านบาทนั้น แบ่งเป็น การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) วงเงิน 4 พันล้านบาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) 700 ล้านบาท และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) 1.7 พันล้านบาท และในส่วนของภาคเอกชนภายในประเทศอีก 1.4 พันล้านบาท และส่งออกประมาณ 1.6 พันล้านบาท และงานประมูลของบริษัทย่อยอีก 200 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรู้ผลในปี 59 โดยบริษัทคาดหวังจะสามารถชนะการประมูลงานได้มากกว่า 20-25% หรือราว 2-2.5 พันล้านบาท