บล.เคทีบี(ประเทศไทย)ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.อีสเทิร์น โพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 13.20 บาท เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการที่ดีเกินคาดในครึ่งปีแรก และจะยังคงดีอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง และทาง EPG จะมีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล 0.08 บาทต่อหุ้น (XD วันที่ 24 พ.ย.2558) คิดเป็น dividend yield 0.76%
ทั้งนี้ คาดว่า EPG จะมีกำไรสุทธิ ใน 2H59 เติบโตได้โดดเด่นในทุกกลุ่มธุรกิจ จาก 1.) ธุรกิจ ARK ยังคงมีคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากรถกระบะโมเดลใหม่ๆ เช่น side step และ canopy ให้กับฟอร์ดซึ่งยังคงเติบโตได้ดี และมียอดขาย Deck Cover ให้กับ Mitsubishi มาช่วยหนุน นอกจากนั้น ในช่วง 2H59 อัตรากำไรจะดีขึ้น เนื่องจากจะไม่มีการบันทึกค่าใช้จ่ายจากการปิดโรงงานของ TJM ในประเทศจีน เหมือนในงวด 1H59 2.) ธุรกิจ AFC คาดยอดขายในต่างประเทศยังเติบโตได้โดดเด่น โดย AFC ยังได้งานเพิ่มเติมจากการนำฉนวนไปใช้หุ้มแทงก์เก็บของเสียจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่น และงานหุ้มท่อก๊าซจากการขุดเจาะใต้ดินในอเมริกา และ 3.) ธุรกิจ EPP คาดจะเติบโตตามภาคการบริโภคที่เพิ่มขึ้น และคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะยังคงอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจากราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิทั้งปี 2559 (เม.ย.2558-มี.ค.2559) จะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 1,569 ล้านบาท เติบโตโดดเด่น 149% YoY
EPG ประกาศกำไรสุทธิ 2Q59 (ก.ค.-ก.ย.2558) โดดเด่นที่ 424 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47% QoQ, 199% YoY โดยกำไรยังเติบโตได้ดีในทุกกลุ่มธุรกิจ แบ่งเป็นกลุ่มธุรกิจ AFC (ผลิตฉนวนยาง) รายได้เพิ่มขึ้น 11% QoQ, 23% YoY ซึ่งได้แรงหนุนจากตลาดในอเมริกาที่เติบโตดี โดยอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นเป็น 46.8% ใน 2Q59 จาก 39.5% ใน 2Q58 และ 36% ใน 1Q59 กลุ่มธุรกิจ ARK (อุปกรณ์ชิ้นส่วนตกแต่งรถกระบะ) รายได้เพิ่ม 19% QoQ, 61% YoY ซึ่งได้แรงหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลงและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตและจากการเข้าซื้อกิจการ TJM ก็จะช่วยเสริมผลกำไรให้กับทาง ARK อีกทางหนึ่งด้วยโดยอัตรากำไรขั้นต้น เพิ่มขึ้นเป็น 28.4% ใน 2Q59 จาก 21.1% ใน 2Q58 และ 26.4% ใน 1Q59 และ กลุ่มธุรกิจ EPP (บรรจุภัณฑ์พลาสติก) รายได้ลดลง -4% QoQ แต่เติบโต 20% YoY ซึ่งได้แรงหนุนจากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลงและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นโดยอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 30.8% ใน 2Q59 จาก 18.7% ใน 2Q58 และ 31% ใน 1Q59