นอกจากนี้ คาดว่าการส่งออกของไทยในปี 59 จะกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อยที่ประมาณ 2% ด้านการค้าชายแดนยังมีศักยภาพที่ดี ประกอบกับการที่ภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนภาคเอกชนในเขตเศรษฐกิจพิเศษในพื้นที่การค้าชายแดน และซุปเปอร์คลัสเตอร์ (Border Special Economic Zones & Cluster Based Special Economic Zones) ซึ่งจะสนับสนุนให้ธุรกิจการค้าในพื้นที่ดังกล่าวมีการขยายตัว
พร้อมทั้งตั้งเป้าอัตราส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) ที่ 45-47% และอัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อรวม (NPL) ที่ระดับ 3.5-3.6%
นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ KBANK เปิดเผยว่า การที่ภาครัฐผลักดันการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน 20 โครงการ มูลค่ารวม 1.77 ล้านล้านบาท ขณะที่รัฐบาลตั้งงบประมาณรายจ่ายในปีงบประมาณ 59 ไว้ที่ 5.44 แสนล้านล้านบาท สูงกว่าปี 57 ถึง 20.7% รวมทั้งมาตรการต่างๆ เพื่อช่วยเหลือทางการเงินแก่เอสเอ็มอีเป็น และภาคการท่องที่ยวยังเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมที่สำคัญของไทย
ส่วนการส่งออกของประเทศไทยคาดว่าจะกลับมาขยายตัวได้เล็กน้อยราว 2% โดยยังมีปัจจัยกดดันของเศรษฐกิจจีนที่ยังชะลอตัว และเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มการฟื้นตัวอย่างจำกัด แต่ยังมีปัจจัยหนุนจากการค้าชายแดนที่มีศักยภาพ จากที่รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษพื้นที่ชายแดน และซุปเปอร์คลัสเตอร์
นอกจากนั้น ตลาดในกลุ่ม CLMV จะยังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจในระดับสูง และเป็นตลาดที่มีศักยภลพเพื่อการค้าการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค
"ปีหน้าเราตั้งเป้าสินเชื่อรวมเติบโต 6-7% ตามฐานจีดีพีของไทยในปีหน้าที่ขยายตัว 3% โดยหลักๆมากจากการลงทุนรัฐที่จะมีการลงทุนต่างๆมากในปีหน้าเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ และภาคการท่องเที่ยวก็ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจัยการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจจีน รวมไปถึงหนี้ครัวเรือนที่ยังคงขยายตัวอยู่แต่เป็นการขยายตัวที่ชะลอตัวยังกดดันเศรษฐกิจไทยอยู่บ้าง ส่วนปีนี้เรายั่งมั่นใจสินเชื่อรวมโตตามเป้าที่ 6% ซึ่ง 9 เดือนของปีนี้สินเชื่อรวมโตล้ว 3.32%"นายปรีดี กล่าว
ส่วนระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 59 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.5-3.6% เพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ 2.8% หลังจาก 9 เดือนของปีนี้ NPL ของธนาคารอยู่ที่ 2.62% ซึ่งการเพิ่มขึ้นของระดับ NPL ในปีหน้านั้นเป็นการตอบรับเศรษฐกิจชะลอตัวในปีนี้ แต่ NPL ที่ 3.5-3.6% ยังเป็นระดับที่ธนาคารสามารถบริหารจัดการได้ดี อีกทั้ง Coverage Ratio ของธนาคารในปีหน้าจะยังใกล้เคียงกับสิ้นปีนี้ที่ 170% ตามภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน และ NPL ที่เพิ่มขึ้น โดย 9 เดือนที่ผ่านมา Coverage Ratio ของธนาคารอยู่ที่ 151%
"NPL ปีหน้าจะเห็นว่าเพิ่มขึ้นมาจากลูกค้ารายย่อยและ SMEs ส่วนใหญ่ และเป็นการตอบรับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในปีนี้ แต่คิดว่า NPL ในปีหน้าน่าถึงจุดต่ำสุดแล้ว เพราะตอนนี้เราเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศมาบ้างแล้ว เราก็มองว่าอาจจะช่วงปลายปีหน้า NPL จะค่อยๆลดลงมาบ้างเล็กน้อย"นายปรีดี กล่าว
ด้านส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ(NIM)ในปี 59 คาดว่าจะอยู่ที่ 3.4-3.6% ลดลงเล็กน้อยจากปีนี้ที่คาดว่าอยู่ที่ 3.5-3.7% โดย 9 เดือนที่ผ่านมา NIM ของธนาคารอยู่ที่ 3.66% โดยในปีหน้าการที่ NIM ลดลงเป็นผลมาจากการลดดอกเบี้ยนโยบายในปีนี้ 0.50% ทำให้ในปีหน้าจะรับรู้ผลกระทบการลดอัตราดอกเบี้ยเต็มปี ขณะที่ธนาคารตั้งเป้ารายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยในปีหน้าเติบโต 10-14% จากปีนี้เติบโตไม่เกิน 15%