ด้านนายเติมชัย บุนนาค กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการ 2-3 แห่ง บางดีลอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบสถานะทางการเงิน (Due Diligence) คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงต้นปี 59 โดยหลักๆจะเป็นการซื้อกิจการในต่างประเทศ
ปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนทางตรงในบริษัทต่างๆ 10 บริษัทและลงทุนทางอ้อม 13 บริษัท สำหรับแผนการซื้อกิจการนั้นหากเป็นกิจการในต่างประเทศจะต้องมีอัตราผลตอบแทนที่สูง เพราะมีความเสี่ยงเข้ามาด้วย
อย่างไรก็ตาม การที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนนั้นต้องอาศัยความร่วมมือในกลุ่มปตท.อย่างโครงการในพม่าจะอาศัยความสัมพันธ์ของทางปตท. ที่เข้าไปลงทุนก๊าซมากกว่า 20 ปี และบมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)ซึ่งเข้าไปลงทุนในพม่าก่อน เป็นผู้แนะนำการลงทุน
นายเติมชัย กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่สามาถจ่ายไฟเชิงพาณิชย์ (COD) เติบโตปีละประมาณ 19%ในช่วง ปี 58-62 จากปัจจุบันมีกำลังผลิตไฟฟ้าที่สามารถ COD ได้ที่ 1,338 เมกะวัตต์ และคาดว่าในปี 62 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 2,851เมกะวัตต์ ซึ่งตามแผนการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้านั้น จะมาจากทั้งการลงทุนและซื้อกิจการ
การที่ราคาหุ้นของบริษัทในปัจจุบันยังไม่เหนือราคาที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ที่ 27 บาท ส่วนหนึ่งเป็นเพราะภาวะตลาด ซึ่งตั้งแต่บริษัทเข้าตลาดหุ้นมาในช่วงเดือน พ.ค. 58 ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวลดลงไปประมาณ 200 จุด ขณะที่การกำหนดราคาไอพีโอไม่ได้สูงเกินไป มีส่วนลดจากการสำรวจราคาของนักวิเคราะห์ (book build) ซึ่งอยู่ที่ 31-32 บาท และมองว่านักลงทุนยังอยากดูความคืบหน้าจากโครงการในอนาคตของบริษัท
ทั้งนี้ การที่หลักทรัพย์ของ GPSC จะถูกนำไปคำนวณใน SET 50 หรือไม่ ต้องรอการประกาศจากทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคาดว่าปลายเดือน พ.ย. 58 นี้จะรู้ผล แต่ปัจจุบันหลักทรัพย์ของบริษัทถูกคำนวณในดัชนี MSCI แล้ว ซึ่งถือว่าเป็นทิศทางที่ดี
นายเติมชัย กล่าวอีกว่า ปีนี้คาดว่าจะมีผลประกอบการทั้งในแง่รายได้และกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุด (นิวไฮ) เพราะมีการรับรู้กำลังการผลิตไฟฟ้าโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งได้รับเงินปันผลจากบริษัทย่อยที่มีอยู่ทั้งหมด 13 บริษัท