"เรามองปีหน้าเป็นลักษณะ sideway up ไม่มีผลกระทบด้อยค่าเยอะๆเหมือนในปีนี้ ที่เรามีการตั้งในระดับ conservative "นายวิรัตน์ กล่าว
ทั้งนี้ ปตท.เคยทำกำไรสุทธิได้สูงถึงระดับ 1.05 แสนล้านบาทในปี 54 จากนั้นปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยล่าสุดเมื่อปีที่แล้วทำกำไรสุทธิได้ 5.58 หมื่นล้านบาท จากผลกระทบราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วจนเกิดผลขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมาก และราคาน้ำมันยังอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องถึงปีนี้ ทำให้ช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ปตท.ทำกำไรสุทธิได้เพียง 1.97 หมื่นล้านบาท เนื่องจากพลิกมีขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3/58 จากการรับรู้การด้อยค่าสินทรัพย์จำนวนมาก
นายวิรัตน์ กล่าวว่า ทิศทางราคาน้ำมันในปีหน้าจะสูงกว่าปีนี้ แต่ไม่มากนัก เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในปีนี้น่าจะเป็นระดับต่ำสุด ล่าสุดอยู่ที่ราว 40 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมองว่าราคาน้ำมันดิบจะค่อยๆ ขยับขึ้นอีกราว 3-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลจากราคาเฉลี่ยในปีนี้ ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจต้นน้ำ อย่างธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่จะดีขึ้นด้วย จากที่ปีนี้ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP) ต้องบันทึกด้อยค่าสินทรัพย์กว่า 5 หมื่นล้านบาทในไตรมาส 3/58 ซึ่งมีผลสะท้อนมายังปตท.ซึ่งเป็นบริษัทแม่ด้วย
ส่วนธุรกิจกลางน้ำ ในกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาตินั้น ภาพรวมน่าจะดีกว่าปีนี้ โดยธุรกิจโรงแยกก๊าซฯและขายก๊าซฯให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมคาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบเหมือนปีนี้ที่อยู่ภายใต้แรงกดดันจากราคาขายก๊าซฯที่ลดลงเร็วกว่าราคาต้นทุน เนื่องจากปรับลดลงตามราคาน้ำมัน แต่ราคาต้นทุนอยู่ภายใต้สัญญาซื้อขายก๊าซฯที่ทำไว้กับผู้ผลิตก๊าซฯ ขณะที่ค่าผ่านท่อก๊าซฯไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก
สำหรับธุรกิจขั้นปลาย ในกลุ่มโรงกลั่นน้ำมันนั้น คาดว่าค่าการกลั่น(GRM)จะยังคงอยู่ในระดับใกล้เคียงปีนี้ ที่มี GRM ค่อนข้างดีจากต้นทุนน้ำมันที่ต่ำลง แต่ยังต้องพิจารณาถึงในส่วนของราคาน้ำมันว่าจะปรับขั้นมากน้อยเพียงใด เพราะจะมีผลต่อกำไรหรือขาดทุนจากสต็อกน้ำมันในช่วงปลายปีด้วย ขณะที่ธุรกิจปิโตรเคมี ภาพรวมก็น่าจะดีขึ้นจากปีนี้ทั้งในส่วนของธุรกิจโอเลฟินส์และอะโรเมติกส์
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า กระแสเงินสดของ ปตท.ปัจจุบันสูงถึงราว 7 หมื่นล้านบาท และในไตรมาส 4/58 จะมีการขายหุ้นทั้งหมดในบมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง(SPRC) คาดว่าจะได้รับเงินเข้ามาอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท แต่กำไรจากการขายหุ้น SPRC อาจจะไม่ได้มากนัก อย่างไรก็ตาม จะช่วยให้ปตท.มีกระแสเงินสดเพิ่มมากขึ้นเพื่อเตรียมไว้รองรับการลงทุน และยังช่วยเพิ่มโอกาสการจ่ายเงินปันผลได้มากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งแรกปีนี้ ปตท.จ่ายเงินปันผลในอัตรา 6 บาท/หุ้น คิดเป็นราว 37% ของกำไรสุทธิของงบการเงินรวม สูงกว่าในอดีตที่ช่วงกลางปีจะจ่ายปันผลราว 29% ของกำไรสุทธิ