“เรามองว่าหลังจากนี้อุตสาหกรรมรถยนต์จะค่อยๆฟื้นตัวขึ้น หลังจากที่ 2 ปีที่ผ่านมาอุตสาหกรรมนี้แย่มาตลอด ซึ่งส่งผลกระทบมาถึงเราด้วย เพราะว่าอุตสาหกรรมรถยนต์เป็นอุตสาหกรรมที่มีขนาดใหญ่ของประเทศ และแนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์หลังจากนี้จะค่อยๆฟื้นตัวกลับมาดีขึ้น และเราก็จะเริ่มขยายพื้นที่เช่าโรงงานเพื่อรองรับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์"นายวีรพันธ์ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทวางแผนขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) ในปี 59 มูลค่าราว 3 พันล้านบาท พร้อมวางงบลงทุนในปี 59 อยู่ที่ 4.28 พันล้านบาท ไว้ใช้สำหรับการลงทุนก่อสร้างโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่าทั้งในและต่างประเทศ แบ่งเป็น ใช้สร้างโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่า 3.45 พันล้านบาท สร้างโรงงานให้เช่าพื้นที่ 40,000-50,000 ตารางเมตร สร้างคลังสินค้าในประเทศพื้นที่ 200,000 ตารางเมตร ส่วนการลงทุนในประเทศอินโดนีเซียในปีหน้าจะใช้เงิน 689 ล้านบาท ไว้ใช้ก่อสร้างโรงงานให้เช่าพื้นที่ 50,000 ตารางเมตร และก่อสร้างคลังสินค้าให้เช่าพื้นที่ 100,000 ตารางเมตร ส่วนเงินลงทุนที่เหลืออีก 148 ล้านบาท จะไว้ใช้สำหรับการลงทุนในประเทศอื่นๆหากได้ข้อสรุป อย่างเช่น เวียดนาม และเมียนมาร์
ทั้งนี้บริษัทยังคงงบลงทุนรวมตามแผน 5 ปี (ปี 59-63) ไว้ที่ 3.31 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในประเทศ 1.65 หมื่นล้านบาท การลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย 5.91 พันล้านบาท และการลงทุนอื่นๆอีก 1 หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT กระแสเงินสดของบริษัท และเงินกู้สถาบันการเงิน
ด้านผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทยังมั่นใจจะมีกำไรแต่จะต่ำกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 761.74 ล้านบาท หลังจากผลการดำเนินงาน 9 เดือนที่ผ่านมาขาดทุน 22.85 ล้านบาท โดยในไตรมาส 4/58 จะเป็นไตรมาสที่บริษัทสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ เนื่องจากมีการบันทึกกำไรจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT โดยมูลค่าสินทรัพย์ที่จะขายราว 3.2 พันล้านบาท แบ่งเป็นสินทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัท (Free Hold) 50% และสินทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์ให้เช่า (Lease Hold) 50% โดยคาดว่าจะขายได้ในช่วงเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ประกอบกับจะมีกำไรจากการขายที่ดินย่านบางนามูลค่า 260 ล้านบาท เข้ามา จึงทำให้ผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 เป็นไตรมาสที่ดีทีสุดของปีนี้